วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หนีอัลไซเมอร์กันเถอะ

พฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราช่วยพาเราหนีอัลไซเมอร์ได้ด้วยนะคะ ขณะเดียวกัน บางพฤติกรรมก็พาเราเข้าใกล้อัลไซเมอร์มากขึ้น เรามาดูกันเถอะว่า พฤติกรรมใดบ้างที่ควรทำ ควรเลี่ยง เพื่อปกป้องสมองของเราให้ดีที่สุด
อ่านหนังสือป้องกันสมองเสื่อม ดูทีวีพร่ำเพรื่ออัลไซเมอร์ถามหา
แค่อ่านหนังสือ ฝึกปรืองานฝีมือหรืองานศิลป์ ช่วยชะลอปัญหาความจำเสื่อมเมื่อแก่ตัว
เดลิเมล์ – การอ่านนิตยสารและหนังสือพิมพ์ ช่วยปกป้องปัญหาความจำเสื่อมถอยในบั้นปลายชีวิต ขณะที่การนั่งๆ นอนๆ ดูทีวีให้ผลในทางตรงข้าม
นักวิจัยจากเมโย คลินิกในโรเชสเตอร์ สหรัฐฯ พบว่า คนที่อ่านหนังสือ หรือเกี่ยวข้องกับงานศิลปะหรืองานฝีมือ เล่นเกม และใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ มีแนวโน้มน้อยลงที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับความจำเมื่ออายุมาก
ในทางกลับกัน คนที่ชอบดูทีวีมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม
การศึกษาหลายฉบับก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายและกำลังสมองช่วยชะลอการมาเยือนของโรคอัลไซเมอร์
สำหรับการศึกษาล่าสุด นักวิจัยจากเมโย คลินิก ทำการเปรียบเทียบรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มตัวอย่างเกือบ 200 คน ที่อายุระหว่าง 70-89 ปี และเริ่มมีปัญหาความจำ กับกลุ่มตัวอย่างอีกกลุ่มจำนวน 1,124 คนที่ไม่มีสัญญาณการเสื่อมถอยของสมอง
ทั้งสองกลุ่มต้องตอบคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันในปีก่อนหน้าและในช่วงวัยกลางคน
นักวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่อ่านหนังสือและนิตยสาร เล่นเกม ใช้คอมพิวเตอร์ หรือทำงานฝีมือในช่วงอายุ 50-60 ต้นๆ มีแนวโน้มเป็นโรคสมองเสื่อมในช่วงบั้นปลายชีวิตน้อยลง 40%
ส่วนคนที่ดูทีวีวันละไม่ถึง 7 ชั่วโมงมีปัญหาความจำน้อยกว่าคนที่ติดทีวีงอมแงมกว่านั้นครึ่งหนึ่ง
ดร.โจนาส เกดา ผู้นำการวิจัย นำเสนอต่อที่ประชุมอเมริกัน อะคาเดมี ออฟ นิวโรโลจีในซีแอตเติลเมื่อกลางสัปดาห์ว่า ภาวะสูงวัยไม่ใช่กระบวนการที่ไร้การตอบโต้ แต่การออกกำลังสมองเพียงพอแล้วที่จะปกป้องการสูญเสียความจำในอนาคต
อย่างไรก็ดี ดร.เกดายอมรับว่า การวิจัยนี้อิงกับความทรงจำในอดีตของกลุ่มตัวอย่างอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อเคลือบแคลงได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
อนึ่ง ความสำคัญของกิจกรรมในสมองที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรม ‘ฝึกสมอง’ ให้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นอกจากเกมปริศนา อักษรไขว้ และโซโดกุแล้ว ยังมีเครื่องเล่มเกมมือถือ เช่น นินเทนโด ดีเอส ที่แข่งกันชิงเงินจากกระเป๋าผู้สูงวัย
กระนั้น เมื่อต้นเดือนมีการวิจัยชิ้นหนึ่งจากสหรัฐฯ ที่ระบุว่า เกมคอมพิวเตอร์ฝึกสมองอาจไม่ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ซ้ำกลับทำร้ายผู้ชราจากการแย่งชิงเวลาที่ควรใช้ในการออกกำลังกาย
งานศึกษาดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารอัลไซเมอร์ แอนด์ ดีเมนเทีย ไม่พบหลักฐานยืนยันว่าการออกกำลังสมองด้วยเครื่องเล่นเกมคอมพิวเตอร์ชะลอการเปลี่ยนแปลงในสมองที่มาพร้อมภาวะสูงวัยแต่อย่างใด

ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2552 14:48 น.

อกหัก เจ็บกว่า กระดูกหัก

อกหักเจ็บหนักกว่ากระดูกหัก นักจิตวิทยาพบ เจ็บช้ำฝังลึกอยู่นาน
นักจิตวิทยาพบว่า คำกล่าวที่ว่า “อกหักไม่ยักตาย” ความจริงอาจจะเบาเกินไป เพราะอกหักเจ็บช้ำฝังลึกยิ่งกว่าบาดเจ็บเพราะกระดูกหักมากกว่ากันนัก

วารสารทางวิชาการ “จิตวิทยา” ของอเมริกา รายงานว่าคณะนักจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเปอร์ดิว ที่รัฐอินเดียนา ได้พบในการศึกษาว่า “ในขณะที่แผลใจและแผลกายต่างก็สร้างความเจ็บปวดได้มาก เมื่อเกิดสดๆได้พอๆกัน แต่แผลใจยังจะกลับมาปวดร้าวขึ้นอีกได้หนแล้วหนเล่า ขณะที่แผลกายจะเจ็บปวดอยู่จนกว่าจะหายดีแล้วเท่านั้น”

นักจิตวิทยาได้ศึกษา โดยการเกณฑ์ผู้ที่มาเป็นอาสาสมัคร ให้เขาเขียนระบายประสบการณ์ ความรู้สึกเจ็บปวดในชีวิตให้ฟังโดยละเอียดว่า มันเกิดขึ้นอย่างไร และรู้สึกเจ็บช้ำอย่างไร

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ [1 ก.ย. 51 - 00:31]

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

หลัก(ทำ)ประจำใจ

 วันนี้ขอเสนอหลักทำ 2 ข้อ คือ 'เอาวะ' กับ 'ช่างแม่ง'

ข้อที่ 1  เอาวะ
หลักทำ ' เอาวะ '
ใช้กับเหตุการณ์ที่จะตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง
เมื่อท่านจะคิดจะทำอะไรซักอย่างให้พูดคำว่า ' เอาวะ '
หลักทำ ' เอาวะ ' จะช่วยให้ท่านได้ลงมือทำตามปรารถนา

ข้อที่ 2 ช่างแม่ง
หลักทำ ' ช่างแม่ง '
ใช้เมื่อเกิดความผิดพลาด หรือผิดหวัง
เมื่อเกิดความผิดพลาดหรือความผิดหวังขึ้นกับตัวท่าน ให้ท่านพูดคำว่า ' ช่างแม่ง '
หลักทำ ' ช่างแม่ง ' จะช่วยสลัดท่านออกจากความเศร้าหมองที่ท่านตอกย้ำตนเอง

ข้อคิดดีๆ จากยางลบ

สมัยเด็กๆ ครูสอนศิลปะท่านหนึ่งสอนฉันเสมอว่า
เวลาเราใช้ดินสอวาดภาพ เราห้ามใช้ยางลบ
ตอนนั้น ฉันไม่เข้าใจจุดประสงค์ของครูสักท่าไหร่
รู้แต่เพียงว่าเวลาฉันวาดภาพแล้วเส้นมันบิดเบี้ยว 
ฉันก็อยากจะให้มันตรงสวย แต่ทุกครั้งที่ฉันหยิบยางลบขึ้นมาเพื่อจะลบภาพนั้น
ครูของฉันก็จะเตือนถึงกติกานั้นเสมอ
สุดท้ายฉันจึงเลือกใช้วิธีต่อเติมภาพๆนั้นไปตามจินตนาการ
เช่นถ้าฉันตั่งใจวาดรูปหน้าคน แต่ฉันอาจเผลอวาดตากลมโตเกินไป

ฉันก็จะใช้วิธีเปลี่ยนตากลมๆ นั้นเป็นแว่นตาแทน
แม้นตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจว่า ทำไมฉันจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ

และแม้นฉันจะไม่เคยคิดวาดรูป หน้าคนใส่แว่นมาก่อน
แต่ฉันก็ได้รูปหน้าคนตามที่ต้องการ แถมยังภูมิใจ
ว่า... สามารถวาดภาพๆนั้นด้วยความมั่นใจ
และไม่ต้องใช้ยางลบลบภาพเลยสักครั้ง
เวลาผ่านไป ฉันโตขึ้น ฉันเรียนรู้ว่า สิ่งที่ครูสอนวันนั้น
แท้จริงแล้วมันปลูกฝังนิสัยหนึ่งให้กับฉัน นั่นคือ...
การเข้าใจธรรมชาติของความผิดพลาด
ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคน
และในชีวิตหนึ่งก็มีหลายครั้งที่ฉันได้พบมันโดยไม่ตั้งใจ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันยอมรับความผิดพลาดเหล่านั้น
และรวบรวมสติเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆได้ ก็คือ...
การที่ฉันเข้าใจว่า ธรรมชาติของความผิดพลาด
คือ... การที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะคงอยู่ถาวร

ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ยางลบ ลบความผิดพลาด
แต่ฉันจำเป็นต้องใช้สมองต่อเติมแก้ไขภาพวาดของฉันให้สมบูรณ์ด้วยตัวเอง
ดังนั้น ถ้าความผิดพลาดมันเกิดขึ้นกับเราแล้ว การที่เราจะมานั่งร้องห่มร้องไห้
อ้อนวอนขอแหกกฎเพื่อใช้ยางลบกลับไปแก้ไขมันนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้

สิ่งเดียวที่จะทำได้ ก็คือ
รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสิ่งเหล่านั้นด้วยสติ

และวาดภาพของตัวเองต่อไปด้วยความระแวดระวังมากยิ่งขึ้น

ทุกคนมีดินสอหนึ่งแท่งเพื่อที่จะวาดภาพชีวิตของเราให้สวยงาม
แต่เราไม่มียางลบสักก้อนที่จะเอาไปลบสิ่งที่เราทำผิดพลาดมาแล้วได้

ดังนั้น  เราต้องตั่งใจ และมีสติทุกครั้งที่ลากเส้น
ถึงแม้นภาพที่เราวาดออกมาจะไม่เหมือนกับภาพที่เราฝันไว้สักเท่าไหร่
แต่มันก็ออกมาจากมือของเรา เราควรจะภูมิใจกับมันได้เสมอ ไม่ต้องกลัวหรอก
แม้จะรู้ดีว่าสักวันหนึ่งเราอาจลากเส้นบิดเบี้ยวไปบ้าง
เพราะถึงอย่างไร ฉันยังเชื่อว่า.....
ถ้าสมองและหัวใจของเราทำงานอย่างเต็มที่
ภาพชีวิตเราก็งดงามได้โดยไม่ต้องใช้ยางลบ

แด่คนมีรัก...สำหรับความรักทุกรูปแบบ

 
To My Friends Who Are........... SINGLE
Love is like a butterfly. The more you chase it, the more it eludes you.
But if you just let it fly, it will come to you when you least expect it.
Love can make you happy but often it hurts,
but love's only special when you give it to someone
who is really worth it. So take your time and choose the best.
สำหรับ ใครที่ยัง........ "โสด"
ความรักนั้น มันก็เหมือนกับ "ผีเสื้อ"  ยิ่งคุณวิ่งเข้าหามันเท่าไหร่
มันก็จะห่างคุณออกไปเท่านั้น แต่ถ้าคุณปล่อยมันไป มันจะเข้ามาหาคุณเองแหล่ะ
ถ้าคุณไม่คาดหวังกับมันมาก ความรักสามารถทำให้คุณมีความสุข แต่มักจะทำให้คุณเจ็บปวด
แต่ความรักจะเป็นสิ่งที่พิเศษ ถ้าคุณได้ให้มันกับใครสักคนที่คู่ควร
อย่ารีบร้อน ค่อยๆ เลือก เลือกคนดีที่สุด

To My Friends Who Are............ NOT SO SINGLE
Love isn't about becoming somebody else's" perfect person."
It's about finding someone who helps you
become the best person you can be.
สำหรับ ใครที่..... "ไม่ใคร่โสด"
เค้าบอกว่า... ความรักไม่ไช่การเป็นคนดีพร้อมสมบูรณ์ของใคร
แต่รักคือการหาใครสักคนที่ช่วยให้คุณเป็นคนดีที่สุดเท่าที่คุณดีได้

To My Friends Who Are............ PLAYBOY/GIRL TYPE
Never say "I love you" if you don't care.
Never talk about feelings if they aren't there.
Never touch a life if you mean to break a heart.
Never look in the eye when all you do is lie.
The cruellest thing a guy can do to a girl is
to let her fall in love when he doesn't intend to catch her fall and it works both ways...
สำหรับ ใครที่เป็น....... " คนเจ้าชู้"
อย่าพูดคำว่า "รัก" เลย ถ้าคุณไม่ได้ใส่ใจกับความหมายนั้น
อย่าพูดถึงความรู้สึก ถ้ายังไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น
อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตเค้าเลย ถ้าคุณจะทำให้เค้าเสียใจ
อย่าไปมองลึกถึงดวงตา ถ้าทุกคำพูดของคุณล้วนโกหกทั้งเพ
สิ่งที่โหดร้ายที่สุดที่ชายหนึ่งพึงทำได้
คือ ทำให้ผู้หญิงเข้าหลงรัก แล้วไม่ใส่ใจใยดี... ผู้หญิงก็เหมือนกัน......

To My Friends Who Are............ MARRIED
Love is not about "it's your fault", but "I'm sorry"
not "where are you', but "I'm right here"
not "how could you", but "I understand"
not "I wish you were", but "I'm thankful you are."
สำหรับ ใครที่....... "แต่งงานแล้ว"
ความรักไม่ใช่... "มันเป็นความผิดของคุณ" แต่จะเป็นคำว่า "ฉันขอโทษ"
ไม่ใช่จะบอกว่า "ไปอยู่ไหนมา" แต่จะเป็นคำว่า "ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ"
ไม่ใช่จะบอกว่า "คุณทำได้อย่างไร" แต่จะเป็นคำว่า "ฉันเข้าใจนะ"
ไม่ใช่คำที่พูดว่า... "ฉันอยากให้คุณเป็นอย่างนี้"
แต่จะเป็นคำว่า..... " ขอบคุณ ที่เธอเป็นเธอ"

To My Friends Who Are............ ENGAGED
The true measure of compatibility is not the years spent together
but how good you are for each other.
สำหรับ ใครที่...... "หมั้นหมายกันอยู่"
เข้ากันได้ ไม่ได้อยู่ที่ว่า การอยู่ด้วยกันเป็นปี ๆ
แต่จะอยู่ที่ว่า ที่อยู่ด้วยกันดีต่อกันแค่ไหน......

To My Friends Who Are............ HEARTBROKEN
Heartbreaks last as long! as you want and cut as deep as you allow them to go.
The challenge is not how to survive heartbreaks but to learn from them
สำหรับ ใครที่...... "อกหัก"  (อันนี้เค้าเขียนดี.. เค้าบอกว่า...)
การอกหัก มันยืนยาวตราบเท่าที่คุณต้องการให้มันอยู่กับคุณ
และบาดความรู้สึกคุณได้เจ็บลึกเท่าที่คุณยอมให้บาด
ที่สำคัญก็คือว่า มันไม่ใช่จะพ้นจากสภาวะอกหักยังไง
แต่มันอยู่ที่ว่า....เราเรียนรู้จากมัน ได้แค่ไหนต่างหาก ......

To My Friends Who Are............ NAIVE
How to be in love: Fall but don't stumble, be consistent but not too persistent,
share and never be unfair, understand and try not to demand,
and get hurt but never keep the pain.
สำหรับ ใคร ๆ ที่.... "ไร้เดียงสาในรัก"
จะรักได้อย่างไร : รักแต่อย่าลุ่มหลง คงเส้นคงวาแต่ไม่ดื้อรั้น
แบ่งปัน และ ไม่เอาเปรียบ พยายามเข้าใจกันและกัน มากกว่าทจะเรียกร้อง
หากต้องเจ็บ ก็เจ็บ แต่อย่าเอาความเจ็บนั้น ติดตัวเสมอไป

To My Friends Who Are............POSSESSIVE
It breaks your heart to see the one you love happy with someone else
but it's more painful to know that the one you love is unhappy with you.
สำหรับ ใครที่...... "มีคนหลงรักอยู่"
เค้าบอกว่า... มันเจ็บปวดที่เห็นคนที่เรารัก มีความสุขกับคนอื่น
แต่มันจะเจ็บปวดยิ่งกว่า ถ้าคนที่เรารัก ไม่มีความสุขเมื่ออยู่กับเรา

To My Friends Who Are............ AFRAID TO CONFESS
Love hurts when you break up with someone.
It hurts even more when someone breaks up with you.
But love hurts the most when the person you love
has no idea how you feel.
สำหรับ ใครที่...... "กลัวต่อการสารภาพรัก"
ความรักมันเจ็บปวด ถ้าคุณต้องไปบอกเลิกกับใครสักคน
แต่มันจะเจ็บยิ่งกว่า ถ้ามีคนมาบอกเลิกกับคุณ
แต่มันจะเจ็บที่สุด หากคนที่คุณรัก ไม่เคยได้รู้เลยว่า คุณรักเค้า

To My Friends Who Are............ STILL HOLDING ON
A sad thing about life is when you meet someone and fall in love
only to find out in the end that it was never meant to be
and that you have wasted years on someone who wasn't worth it.
If he isn't worth it now he's not going to be worth it a year
or 10 years from now. Let go.....
สำหรับ ใคร ๆ ที่ยัง......."คบ ๆ กันอยู่"
สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต ก็คือ การที่เราพบ และ รักใครสักคน
จนสุดท้าย พบว่ามันไม่ใช่..... และคุณเสียเวลาไปเป็นปีๆ ให้กับคนที่คนที่ไม่คู่ควร
ถ้าเค้าคนนั้นของคุณ ไม่ใช่คนที่ใช่เลยของคุณตอนนี้แล้วล่ะก็
จะมาเสียเวลา เป็นปีๆ กับเค้าทำไม ปล่อยไปเถิด.....

TO ALL MY FRIENDS.......
My wish for you is a man/women who's love is honest,
strong, mature, never-changing, uplifting, protective,
encouraging, rewarding and unselfish
เฮ้อ.... อันสุดท้าย..... สำหรับ เพื่อนๆทุกๆคน.......
เค้าบอกว่า.... ขอปรารถนาให้ทุก ๆ คนที่มีความรัก
จง ซื่อสัตย์ เข็มแข็ง เป็นผู้ใหญ่ อย่าอ่อนไหว อย่าโลเล
จงเชิดชู ปกป้อง สนับสนุนให้กำลังใจ และไม่เห็นแก่ตัว

วันเสาร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รักแรก ทำไม ฝังใจ

อานุภาพรักแรกฝังใจชั่วชีวิต สมองขับสารโดปามีนผูกมัดไว้หนุ่มสาวทั่วไปมักจะเห็นว่าในชีวิตขอให้ได้พบรัก ถึงจะยืดเยื้อหรือไม่ ก็ยังดีกว่าไม่ได้ประสบเลย หากแต่ทำไมมันถึงยากที่จะลืมเลือนมันลงได้ บัดนี้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพอที่จะรู้สาเหตุแล้ว

นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยรัฐฟลอริดาแห่งสหรัฐฯ ได้ศึกษาเรื่องนี้ โดยศึกษาจากสมองและพฤติกรรมของหนูนาตัวผู้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการมีรักเดียวใจเดียว เพราะเมื่อมันผสมกับตัวเมียตัวไหนเข้าแล้ว มันก็จะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ไม่สนใจตัวเมียตัวอื่นอีกเลย แถมยังทำดุเสียด้วยซ้ำ

พวกเขาได้พบว่าเมื่อตัวผู้มีคู่ สมองมันจะหลั่งสารโดปามีน อันเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง ที่เป็นสารของความเกษมสุขออกมาเป็นอันมาก นักวิจัยแบรนดอน อราโกนา หัวหน้านักวิจัย ได้แสดงให้เห็นว่าสารนั้นเท่ากับเป็นยาเสน่ห์ ด้วยการเอาไปฉีดให้สมองของหนูนาตัวผู้ ที่ยังไม่เคยผสมกับตัวเมียเลย มันก็จะเปลี่ยนนิสัยไปทันที กลับคลุกคลีแต่กับตัวเมียที่เลือกให้ และเลิกสนใจตัวเมียตัวอื่นเหมือนแต่ก่อนเลย

ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 56 ฉบับที่ 1749312/13/2005

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โอกาส

ที่เมืองหนึ่งของประเทศกรีก
เคยมีรูปปั้นแกะสลักตั้งอู่ใจกลางเมือง
ปัจจุบันนี้ รูปปั้นนี้ไม่เหลือแม้แต่ซาก
แต่แผ่นที่จารึกที่บรรยายเกี่ยวกับรูปปั้นยังคงเหลืออยู่
คำบรรยายเขียนไว้ในรูปแบบการสนทนาระหว่างรูปปั้นกับคนที่เดินผ่านไปมา
"รูปปั้นเอ๋ย ท่านชื่ออะไร"
"ฉันชื่อโอกาส"
"ใครเป็นคนแกะสลักท่านขึ้นมา"
"ช่างแกะสลักชื่อ ลีซีปัส"
"ทำไมท่านจึงยืนเขย่งเท้า?"
"เพื่อบ่งบอกว่าฉันอยู่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม"
"แล้วทำไมที่เท้าของท่านจึงมีปีก"
"เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว"
"แต่ทำไมผมด้านหน้าของท่านจึงยาวอย่างนี้"
"ก็เพื่อให้คนที่พบฉันจะได้จับฉวยไว้ได้ง่าย"
"แล้วทำไมหัวด้านหลังของท่านจึงล้าน ไม่มีผมแม้แต่เส้นเดียว"
"ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อฉันผ่านไปแล้วก็ยากที่จะจับฉันได้ใหม่"
จริงด้วย ทางด้านหน้าของ "โอกาส"
มีผมยาวแต่ด้านหลังล้านเกลี้ยงเพราะเมื่อปล่อยให้
"โอกาส"
ผ่านไปแล้ว ก็ยากที่จะจับยึดมันกลับมาได้อีก
"โอกาส" จึงเร้าเตือนเราทุกคนว่า
"อย่ามาต่อว่าฉัน ว่า ฉันไม่เคยมาเยี่ยมกราย
เพราะบ่อยครั้งเหลือเกินที่ฉันมาเคาะประตู

แต่เธอกลับไม่อยู่บ้าน
ทุกวัน ฉันยืนรออยู่ที่หน้าบ้านเธอ
เรียกให้เธอตื่น ให้ขยันขันแข็ง

ให้รีบตัดสินใจ
ให้ลงมือทำ
ให้ออกแรง ให้สู้
เพื่อจะได้มาซึ่งชัยชนะและความสำเร็จ
จงอย่าปล่อยให้ฉันผ่านไป
เธอจะได้ไม่ต้องนั่งเสียใจในภายหลัง
ที่ฉัน "โอกาส" ผ่านมา แต่เธอไม่รู้จักจับฉวย"

แผนที่ชีวิต

ต่อไปนี้เป็นคำสอนของพ่อคนหนึ่งที่มอบให้แก่ลูกหลังจากลูกเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นคู่มือในการคำเนินชีวิตต่อไป........
พ่อบอกว่า.......ลูกเอ่ย เจ้าควร....
1.เฝ้าดูดวงอาทิตย์ตกอย่างจริงจัง อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2.อย่าดูถูกผู้อื่น
3.พูดคำว่า ขอบคุณ ให้มากๆ
4.มีชีวิตอยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายของเจ้าเอง
5.ปฎิบัติกับคนอื่นเช่นเดียวกับที่เจ้าอยากให้คนอื่นปฎิบัติกับเจ้า
6.บริจาคเลือดทุกปี
7.คบหาเพื่อนใหม่ และรำลึกถึงเพื่อนเก่าเสมอ
8.รักษาความลับเป็น
9.ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง
10.จงแสดงความกล้าหาญ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่คนกล้าก็ตาม
11.ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก มิใช่เพื่อการเป็นหนี้สิน
12.อย่าขี้โกง

13.อ่านหนังสือธรรมะอย่างจริงจัง ปีละ 1 ครั้ง
14.เรียนรู้ที่จะฟัง
15.อย่าสิ้นหวัง
16.อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใดๆ นอกจากปัญญาและความกล้าหาญ
17.อย่าแสดงอะไรออกมาเมื่อมีอารมณ์โกรธ
18.มีบุคลิกที่ดี เดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างมั่นใจ
19.อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟท์
20.จงตั้งใจแพ้ศึกเล็กๆ เพื่อจะเอาชนะศึกใหญ่ๆ
21.อย่าคบกับบุคคลที่ไม่เคยสูญเสียสิ่งใดๆ เลย
22.อย่านินทาลับหลัง
23.เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนัก จงปฎิบัติกับมันราวกับว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
24.อย่าคิดว่าชีวิตจะยุติธรรมเสมอไป
25.อย่าประเมินอำนาจของการให้อภัยต่ำเกินไป
26.อย่าผัดวันประกันพรุ่ง
27.อย่ากลัวที่จะกล่าวคำว่า “ผมเสียใจ”
28.อย่ากลัวที่จะกล่าวคำว่า “ผมไม่รู้”
29.จงเขียนเรื่องราว 25 ประการที่อยากรู้ก่อนตายไว้ในกระเป๋าและ นำมันติดตัวไปด้วยเสมอ
30.โทรศัพท์ถึงแม่บ้าง "

ปรัชญาของชาวจีน

1. จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
2. จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่าแต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
3 จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
4 เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
5. เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย
6. ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
7. จงเชื่อในรักแรกพบ
8. อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
9. เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
10. ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
11. อย่าตัดสินคนคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
12. จงพูดให้ช้าแต่ต้องคิดให้เร็ว
13. ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่าจะรู้ไปทำไม
14. จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และ ความสำเร็จล้วนต้องมีการเสี่ยง
15. พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
16. เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
17. จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
18. จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
19. ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
20. จงยิ้มเวลารับโทาศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา

21. จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง

ดีไม่ดี...อยู่ที่ใจเรา

ดีไม่ดี...อยู่ที่ใจเรา หัวเราะ...เมื่ออยากหัวเราะ ร้องไห้...เมื่ออยากร้องไห้
และต้องหัวเราะให้ได้หลังร้องไห้ทุกครั้ง! อย่าทำอะไรที่ไม่อยากทำ...
จงทำอะไรที่ใจอยากทำ...! ตัวหนังสือ...เขียนผิด...ลบได้
การกระทำ...ทำผิด...เอาอะไรลบ นึกว่าหมากำลังไล่ฟัดซิ...!
...จะได้รีบวิ่งรี่เข้าเส้นชัย...
...ล้มเมื่อไหร่จะได้รีบลุก... ทุกย่างก้าว ของ ความฝัน คือ ย่างก้าว
ของ ความเหน็ดเหนื่อย
ทุกย่างก้าว ของ ความเหน็ดเหนื่อย คือ ก้าวย่าง ของ ความสำเร็จ
ต่อให้ทุกข์ที่สุด....ก็ต้องผ่านพ้นไปจนได้
เมื่อเรานั่งมองอดีต เรายังผ่านทุกข์มาได้ตั้งหลายทุกข์
ก็ในเมื่อ..ชีวิต...มันยังมีชีวิต  ขอแค่อย่าทุกข์ก่อนเจอทุกข์
หลังทุกข์ อย่าทุกข์อีก  ให้ทุกข์ แค่ตอนทุกข์
แล้วทุกข์ที่สุด...ก็จะเป็น ทุกข์ แค่นี้เอง!
ให้ทำหน้าที่ทุกหน้าที่ด้วยหัวใจ
ให้หัวใจตระหนักในหน้าที่....
แล้วเราจะไม่รู้สึกว่าหน้าที่เป็นหน้าที่
แต่เป็นการกระทำที่เกิดจาก...หัวใจเรียกร้อง...ต่างหาก
ดีไม่ดี...อยู่ที่ใจเรา...
ถ้าใจเรา...คิดดี เราก็จะเจอแต่สิ่งดีๆ
ถ้าเรามองในทางที่ดี...ใจเราก็จะรู้สึกดี
ถ้ากำลังใจดี...สิ่งเลวร้าย...ก็จะคลี่คลายเป็น...ดี!

โชคดีวันนี้มีความสุข

สิ่งที่ยังไม่เกิด ความคิดนี่แหละ
ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่งของความสุขที่ควรจะเกิด ควรจะมี ให้ลดน้อยลงไป
บางขณะ เราน่าจะทำชีวิตให้ดีกว่านั้นได้ง่ายๆ
แต่เพราะความคิด ความกังวล
ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก
ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า ยิ่งทำให้กังวล
ยิ่งไม่มีความสุข ยิ่งหวาดกลัววันข้างหน้า ก็อย่าไปคิดมันเลย
แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข ทำให้ดีที่สุดกับเวลานี้ที่มีโอกาสนี้...
บางที ใครจะรู้ว่า อะไรๆที่ไปกังวลนั้น อาจจะมาไม่ถึงก็ได้..
ชีวิตอาจไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้ จะตื่นหรือเปล่า
อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง...
มองวันนี้ ทำวันนี้ มีความสุขกับทุกวินาทีนี้ .....
ที่ยังหายใจอยู่ดีกว่า เวลามีพอเสมอสำหรับความสุข .
ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ ชีวิตที่พบความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้...
ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต
ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิด
ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือการเป็นชีวิต
ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ
ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหา ก็จะไม่รู้ว่า ความสุขที่แท้เป็นอย่างไร
ไม่มีความทุกข์ ก็ไม่รู้จักความสุข......
เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคน อ่อนแอ หรือเข้มแข็ง
ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ.....
ต่างจากความสุข ที่ทำให้อ่อนแอ มองโลกง่ายๆ แคบๆ
ความสุขเหมือนฝนพรำสาย
อ่อนโยน งดงาม บางเบา แต่ว่างเปล่า ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุข.......
เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับ และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์
ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง
รู้จักการเติบโตทุกๆก้าว
ให้กำลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า
โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์
เพราะเมื่อผ่านความทุกข์ ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า...
จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต.

จงฉลาดพอที่จะอ่าน

จง…เข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง
จง...อ่อนแอพอที่จะรับรู้ว่าลำพังเรานั้นทำอะไรไม่ได้ทุกอย่าง
จง...ฟุ่มเฟือยน้ำใจ เมื่อมีใครต้องการความช่วยเหลือ
จง…คิดก่อนทุกครั้งที่จะปล่อยเงินออกจากมือ
จง...ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเราไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
จง...โง่พอที่จะเชื่อในปาฏิหาริย์
จง ...เต็มใจจะแบ่งปันความสุขของตัวเอง
จง...เต็มใจที่จะแบ่งรับความทุกข์ของผู้อื่น
จง...เป็นผู้นำหากทางที่ผู้อื่นทิ้งไว้ให้นั้นเลือนราง
จง...เป็นผู้ตามหากตกอยู่ในวงล้อมแห่งความไม่แน่นอน
จง...เป็นคนแรกที่แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของคู่แข่ง
จง...เป็นคนสุดท้ายที่จะวิจารณ์ความผิดพลาดของเพื่อน
จง...มองเพียงแค่ก้าวถัดไปเพราะมันจะทำให้เราไม่ล้ม
จง..มองไปยังจุดหมายปลายทางให้แน่ใจว่า ไม่ได้กำลังเดินผิดทาง
จง..ใช้เวลามอง หรือให้โอกาสกับตัวเองที่จะเรียนรู้คนที่เขาบอกรักคุณ
จง...รักคนที่รักคุณ แม้อีก 5 ปี 10 ปี หรือ 50 ปีเขาก็ยังรักคุณ
จง...รักคนที่ไม่รักคุณแล้ว...สักวันนึงเค้าอาจจะเปลี่ยนใจมารักคุณ
จง...อย่าปล่อยให้คนที่รักคุณหลุดลอยไป
สุดท้าย จง...อย่าหลอกตัวเอง

กำลังใจ

 การพิสูจน์ตนเองที่ดี อาศัยเวลาและการกระทำ
มิใช่อธิบายและเหตุผล ร่าเริงเป็นยาบำรุง ความหวังเป็นยาบำรุง
เมตตาเป็นยาบรรเทา  ด้วยรักที่จะเรียนรู้  ล้มเหลวไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
มันให้บทเรียนและพิสูจน์ศรัทธา  เราทำงานอย่าให้งานทำเรา
ให้งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต  ให้ชีวิตเพียงรู้จักรักการงาน
ชีวิตที่สดชื่นแจ่มใส  ก้าวเดินไปด้วยการเรียนรู้  สันโดษอยู่ด้วยการแสวงหา
ผิดพลาดย่อมผิดหวัง  คนเราผิดหวังได้เสมอ  แต่อย่ายอมอยู่อย่างสิ้นหวัง
ในความว้าเหว่เงียบเหงา  เพียงเรารู้จักสงบ  เราจะพบตัวเราเอง
รอยร้าวในใจของนักสู้  ไม่ใช่อยู่ที่เคยล้มเหลว  แต่อยู่ที่ไม่ยอมเริ่มต้นใหม่
ถ้าใจจะต้องปวดร้าว  อย่างไรก็ปวดร้าว  เร็วไปวันสองวันจะเป็นไรไป....
แพ้เป็นบันได  ชนะเป็นสะพาน  ประสบการณ์เป็นบทเรียน

 

ความสำคัญ
การให้ความสำคัญแก่ผู้อื่น เป็นสิ่งที่ดี
แต่ก่อนที่คุณแต่ละคนจะให้ความสำคัญกับผู้อื่นนั้น
คุณเคยให้ตัวคุณเองหรือยัง
ถ้าคุณไม่เคยก็แสดงว่าคุณก็ไม่สามารถให้
ความสำคัญกับผู้อื่นได้เช่นกัน

ความรัก

คุณเคยให้ความรักกับคนอื่นนอกจากญาติพี่น้องของตัวเองหรือไม่
ถ้าคุณเคยจงจำไว้ว่าคนที่คุณรักไม่จำเป็นว่า จะต้องรักคุณ
อย่าคาดหวังกับคนที่คุณรักมากจนเกินไป
เพราะมันอาจทำให้คุณผิดหวังได้
แต่ถ้าคุณไม่เคย จงถามตัวเองว่า
ทำไมถึงไม่รักใครซักคน
คุณกลัวเจ็บ หรือคุณกลัวโดนหลอกใช่หรือไม่
แล้วถ้าใช่คุณไม่คิดลองดูเพื่อเป็นรสชาติชีวิตหรือ
คุณเคยได้รับความรักจากผู้อื่นที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของคุณหรือไม่
ถ้าคุณเคย จงดีใจและยินดี
และจงถนอมใจของคนผู้นี้ไว้
เพราะคนที่คุณรักอาจไม่รักคุณ แต่บุคคลผู้นี้เค้าอาจรักคุณ
สุดจิตสุดใจที่เค้าจะมีได้ก็อาจเป็นได้
และถ้าคุณก็รักคนผู้นี้ จงอย่าเสียเวลา
ปิดบังความในใจนี้เลย
เพราะเป็นโอกาสของคุณแล้ว
ถ้าคุณขืนยังปิดบังล่ะก็ คุณอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตของคุณก็ได้
ถ้าคุณไม่เคย จงอย่าเสียใจและท้อถอย
บนโลกใบนี้ ต้องมีซักวันที่จะมีคนมารักคุณ

ซึ้งมาก ๆ ดูแลรักที่มีไว้นะ

ขออุศให้กับทุกคนที่อยู่กับคนที่ตัวเองรัก.....
ลองอ่านดูแล้วหันไปดูคนข้างๆ
บอกรักให้เขารู้ว่าเขาเป็นคนสำคัญแค่ไหน....ให้เขารู้ว่าคุณรักเขาแค่ไหน

เรื่องนี้ผมไม่รู้ใครแต่ง........แต่ผมอยากให้มันอยู่ในกระทู้ของผม...
เพื่อจะมีคนอ่านมันมากขึ้นสักคนก็ยังดี.....ขอบคุณครับ

'รักครั้งแรกใช่จะผิดหวังเสมอไป

มีคนเคยบอกว่า ความรักมีอยู่ 3 แบบ

1. รักเพราะหลง
2. รักเพราะอ่อนไหว
3. รักเพราะเข้าใจ
และยังมีคนบอกอีกว่า

รักครั้งแรกส่วนมากจะเป็นรักเพราะหลงและมักจะไม่สมหวัง

แต่สำหรับผมแล้วรักครั้งแรกเป็นรักที่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของผม

ผมชื่อ แทน เรียนปี 3

อยู่มหาลัยแห่งหนึ่ง

ผมต้องทำงานไปเรียนไป
เพราะพ่อแม่ผมเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน
ตอนนี้ผมจึงเหมือนอยู่ตัวคนเดียว

ผมก็เงียบมาตลอดไม่ค่อยคุยกับเพื่อนคนไหนเลย ส่วนเธอ

เธอชื่อ ซี ......... ซีเป็นลูกคนรวย เรียนปี 3
เหมือนผม และคณะเดียวกับผม
โดยความคิดของผมแล้วนั้นลูกคนรวยส่วนมากจะชอบทำตัวเว่อร์ ๆ
แต่สำหรับซี
แล้วเธอไม่ใช่ ซีเป็นคนเรียบร้อย ร่าเริง เรียนเก่ง

แล้วยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ

ด้วย ซึ่งต่างกับผมราวฟ้ากับดิน
ผมแอบมองซีมาตลอดตั้งแต่เข้ามาเรียนปี 1

แต่ตอนนี้ผมคงไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นแล้ว

ตั้งแต่พ่อแม่ผมเสีย
ผมก้อไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเพื่อน ๆ เลย
ดังนั้นเลิกฝันถึงซีไปได้เลยครับ

เช้าวันนึง
เข้าเรียนคาบแรก

อาจารย์สั่งให้ทุกคนนำงานที่สั่งมาส่ง
ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าอาจารย์สั่งงานตอนไหน

สงสัยสั่งตอนที่ผมแอบหลับในห้องเรียนมั้ง

ผมทำอะไรไม่ถูก

แทน? เสียงผู้หญิงเรียกชื่อผม ผมหันไปมอง

ซีเป็นคนเรียก
ซีพูดต่อว่า ?ซีทำรายงานมาให้ ซีรู้ว่าแทนไม่ได้ทำมา
เพราะเมื่อวานแทนหลับในห้องเรียนตอนอาจารย์สั่งงานพอดี?

พอพูดเสร็จซีก้อวางรายงานไว้บนโต๊ะ
แล้วก้อเดินกลับไป หลังเลิกเรียน
ผมเดินเข้าไปบอก ขอบคุณซี
แต่ซีพูดกลับมาว่า ?
เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นข้าวมื้อเที่ยงได้มั้ยค่ะ ?
ผมดีใจไม่คิดเลยว่าผมจะมีโอกาสได้นั่งกินข้าวกับซี

ผมเลยตอบกลับไปว่า
ได้ครับ?
หลังจากนั้นเราก้อเดินไปกินข้าวที่โรงอาหารของมหาลัย
เธอดูเรียบร้อยมากเวลาทานข้าว

พอทานเสร็จ ซีก้อพูดขึ้นมาว่า ?ซีรู้นะ
ว่าแทนไม่ค่อยรู้เรื่อง
ไม่ค่อยมีเวลาทบทวนเรื่องที่เรียนไป

เอาเป็นว่าเวลาแทนว่าง
ซีจะติวให้แทนดีมั้ย?

ความหวังดีจากหญิงคนนึงที่ผมเคยแอบมองมาตลอดนั้นมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

หลังจากวันนั้นผมกับซี

ก็จะมานั่งติวหนังสือกันทุกวัน
จนเรียนจบมหาลัย
ผมก็มีบริษัทมารับเข้าทำงาน 2 บริษัท
บริษัทแรกทำงานในกรุงเทพ
ส่วนอีกบริษัททำงานที่ระยอง
ผมปรึกษากับซีว่าจะเลือกบริษัทไหนดี ซีบอกว่า
ตามใจแทนเถอะ ชีวิตเป็นของแทนนะ?
ผมได้ยินดังนั้นผมก้อไม่ลังเลที่จะเลือกทำบริษัทที่
2
ถึงผมจะต้องไปทำที่ระยอง
แต่มันเป็นอนาคตที่ดีสำหรับผม
ผมไปทำงานอยู่ที่ระยอง 1 อาทิตย์ผมจะโทรหาซี 2 -3 ครั้ง
1 เดือนผมจะเข้ากรุงเทพ 1 - 2 ครั้ง
เวลาผ่านไป 4 ปี ผมได้ย้ายเข้ามาทำงานในกรุงเทพ
เพื่อมารับงานในตำแหน่งผู้จัดการบัญชี
พอผมมาถึงกรุงเทพ
ทางบริษัทให้ผมลาพักร้อนได้ 1 อาทิตย์
ผมจึงตัดสินใจชวนซีไปเที่ยวเป็นครั้งแรก
ผมโทรเข้ามือถือซี ผมชวนเธอไปที่สวนสามพราน
เพราะซีชอบดอกไม้
ซีตอบกลับมาว่า ?จริงหรือแทน
ซีไม่เคยไปไหนกับใครนอกจากพ่อและแม่เลย
แทนจะพาซีไปวันไหนค่ะ?
ผมบอกกลับไปว่า ?พรุ่งนี้โอเคมั้ย
พาไปเที่ยวเสร็จแล้วซีไปดูคอนโดเป็นเพื่อนแทนหน่อยนะ
แทนจะซื้อคอนโดใกล้บ้านซี?

ซีตอบมาว่า ้ค่ะ
แล้วเจอกันนะค่ะ?

เช้าวันรุ่งขึ้นผมไปรับเธอที่บ้าน
หลังจากนั้นผมก้อนั่งรถแท็กซี่ไปสวนสามพราน
ระหว่างที่ดูดอกไม้นั้นซีดูมีความสุขมาก
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสมือซี
หลังจากที่คุยกันมานานถึง 6 ปี

พอบ่ายผมก้อไปดูคอนโดที่อยู่ใกล้บ้านซีที่สุด
แล้วก้อเซ็นสัญญาซื้อผ่อนทันที
ตกเย็นซีชวนผมไปบ้านของเธอ ซีบอกว่า
คุณพ่อของซีอยากเจอแทนค่ะ
เลยให้ซีชวนแทนมาทานข้าวที่บ้าน?
ผมไม่ปฎิเสธครับ พอไปถึงบ้านนั่งลงที่โต๊ะ
คุณพ่อของซีดูเป็นผู้ใหญ่มาก
ท่านพูดขึ้นมาว่า ?เธอเองหรือชื่อแทน
แล้วซีเล่าให้พ่อฟังอยู่บ่อย ๆ
ซีบอกกับพ่อว่า เธอเป็นคนขยัน
ว่าไงสนใจมาทำงานกับพ่อมั้ย
มาทำที่บริษัทพ่อ?
ผมอึ้งไม่คิดเลยว่าท่านจะพูดกับผมแบบนี้

ผมรู้สึกดีใจตอนนี้ผมรู้สึกเป็นส่วนนึงในชีวิตของซียังไงไม่รู้ครับ
ผมตอบตกลงทันที
หลังจากวันที่ผมไปบ้านซี
2 วัน
ผมก้อเริ่มงานในบริษัทของพ่อซี
ตำแหน่งที่ผมได้เข้ารับคือตำแหน่ง
ผู้จัดการฝ่ายบัญชี
งานส่วนใหญ่จะใช้สมองซะมากกว่า หลังจากนั้นก้อว่าง
วันนึงพ่อของซีก้อเดินมาที่โต๊ะทำงานผมแล้วก้อบอกว่า
แทนถ้าว่าง
ก้อพาซีไปเที่ยวก้อได้นะ พ่อฝากดูแลซีด้วย?
ผมตอบตกลงไป
ผมและซีในเวลานี้มีความสุขที่สุด
ผมมีเวลาให้ซีมากขึ้น แต่พอผมว่างมากขึ้น
ผมก้อพูดกับซีว่า ? ซี....
แทนเบื่อแล้ว
แทนอยากทำงาน
แต่ไม่ได้หมายความว่าแทนเบื่อซีนะ
แทนจะรับงานตรวจสอบบัญชีจากบริษัทอื่นมาทำด้วยนะ
ซีเห็นด้วยมั้ย?
ซีตอบกลับมาว่า ?ถ้ามันเป็นความต้องการของแทน
ซีก้อเห็นด้วย?
ผมก้อรับงานจากบริษัทอื่นเข้ามาทำ
เวลาว่างที่ผมเคยมีให้ซีก้อค่อย ๆ
หมดลงไป

ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมจะต้องพยายามทำงานให้มากเพื่อที่จะเทียบเท่าหรือใกล้เคียงซีมากขึ้น
ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะบอกว่ารักเธอ

แต่ในใจแล้วผมรู้สึกได้อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่าซีคือคนที่ผมอยากอยู่ด้วย

วันนี้เป็นวันเกิดของซี
ผมทำงานจนลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิดของเธอ
วันรุ่งขึ้นซีโทรมาหาผมแล้วพูดว่า
แทนไม่เคยลืมเลยนะ
แต่ปีนี้แทนลืม
เมื่อวานเป็นวันเกิดของซีนะ?
แล้วเธอก้อร้องไห้
ในเวลานั้นผมเครียดเรื่องงานมาก
ผมเลยพูดออกไปอย่างไม่คิดว่า ?ไร้สาระน่ะซี
แทนต้องทำงานนะ แทนไม่ว่างเหมือนซีนะ?
เธอเงียบไปสักพักแล้วซีก้อพูด ?ขอโทษนะแทน

ซีไม่อยากทะเลาะกับแทนซีอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ?

ผมโกรธที่เธอพูดแบบนี้มาก
แต่เงียบไม่ต่อว่าอะไรเธอไป ซีพูดต่ออีกว่า
อีก2วันซีจะไปอเมริกากับแม่ ซีอยากให้แทนไปด้วย
ซีขออนุญาตคุณพ่อแล้วนะ
คุณพ่อบอกว่าให้แทนไปด้วยได้ แทนจะไปกับซีมั้ย?

ผมตอบกลับไปว่า ?ช่วงนี้งานยุ่ง
ซีไปกับแม่ให้สนุกเถอะ? แล้วซีก้อวางหู
ซีเดินทางไปอเมริกากับแม่ 1 เดือน ในเวลาระหว่าง 1 เดือนนี้
ผมไม่ได้ติดต่อกับซีเลย
พอซีกลับมากรุงเทพ
ผมก้อไม่ได้ไปรับ
หลังจากกลับมาจากอเมริกา
ผมกับซีก้อห่างเหินกันไม่ค่อยได้เจอกันเลย 1
เดือนจะได้เจอหน้ากันสัก 2 ? 3 ครั้ง
ไม่ได้โทรคุยกันเลยเพราะผมงานยุ่งมาก
ผมทำงานที่บริษัทพ่อซีมา 3 ปีแล้ว
ตอนนี้ผมคิดว่าผมพร้อมทุกอย่างแล้ว
มีเงินพอที่จะซื้อบ้าน ซื้อรถ
และทุกสิ่งทุกอย่างที่ซื้อได้ด้วยเงิน

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผมจึงตัดสินใจที่จะขอซีแต่งงาน
แล้วคืนก่อนวันที่ 14
ซีก้อโทรมาหาผมที่บ้าน
แทนซีถามอะไรแทนหน่อยได้มั้ย? ผมตอบว่า ?ได้สิ?
ซีถามต่อ ?แทนทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้
แทนขยันเพื่อใคร เพื่ออะไร?
ผมไม่ตอบกับคำถามของซี แต่พูดกลับไปว่า
พรุ่งนี้แทนจะบอก
แทนจะตอบทุกคำถามขอซี
พรุ่งนี้ซีไปสวนสามพรานกับแทนนะ?
ซีตอบมาว่า ?ได้?
เช้าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ผมรีบไปที่เต้นท์โชว์รูม ฮอนด้า
ทำสัญญาออกรถป้ายแดง
ออกมาแล้วก้อขับไปรับซีที่บ้าน
ผมนึกว่าซีจะตกใจที่ผมขับรถไปรับเธอ
แต่ไม่เลยเธอดูอ่อนเพลียเหมือนคนไม่สบาย หน้าซีด
ผมจึงบอกซีว่า
ไว้วันหลังก้อได้นะซี? ซีตอบกลับมาว่า ?วันนี้แหละ
ซีอยากไปวันนี้?

ก่อนขับรถออกจากบ้านซีผมเห็นแม่ซีดูเหมือนจะร้องไห้แต่ก้อไม่ได้คิดอะไร

พอมาถึงสวนสามพราน ผมเดินจูงมือซีดูดอกไม้
เดินได้สักพักผมก้อพาซีมานั่งที่ม้านั่งริมสระน้ำ
ซีซบไหล่ผมแล้วพูดกลับผมว่า
แทน ซีรู้นะว่าแทนรักซี
แต่ซีอยากให้แทนบอกซีเองจะได้มั้ย แทนบอกซีด้วยว่า
แทนทำไมถึงขยันทำงานขนาดนี้ แทนขยันเพื่อใคร
เพื่ออะไร?

แล้วคราวนี้ผมก้อบอกเธอทุกอย่างว่า
ซี.........แทนรักซีนะ
ทุกอย่างที่แทนขยัน
แทนทำเพื่อซี
แทนไม่อยากให้ซีโดนใครดูถูกว่ามาคบกับแทน
แล้ววันนี้แทนมีพร้อมทุกอย่างแล้ว
วันนี้แทนคิดว่าแทนใกล้เคียงพอที่จะขอซีแต่งงานแล้ว
ซีแต่งงานกับแทนนะ'

แล้วผมก้อหยิบแหวนแต่งงานที่แอบซื้อไว้หมายจะสวมเข้าที่นิ้วของซี
ผมจับมือของซีขึ้น เธอไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่ผมทำ
ผมจับตัวเธอเขย่า
เธอไม่รู้สึกอะไรเลย
ผมจึงอุ้มร่างซีขับรถไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
แล้วแล้วระหว่างนั้นผมก้อโทรบอกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับซี
มาถึงโรงพยาบาล หมอรีบพาซีเข้าห้อง
ไอซียู

ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยถามหมอว่าซีเป็นอะไรหมอก้อไม่ยอมบอก
ไม่นานพ่อกับแม่ซีก้อมาถึงโรงพยาบาล
ผมถามแม่ซีว่าซีเป็นอะไร
แม่ซีบอกกับผมว่า
ซีเป็นโรคหัวใจ เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว?

ผมอึ้งทำไมผมมันโง่อย่างนี้ผมไม่เคยรู้อะไรเลย
ไม่เคยรู้ว่าซีเป็นโรคหัวใจ
ผมนั่งภาวนาอยู่หน้าห้องไอซียูว่าขออย่าให้ซีเป็นอะไรเลย
ถ้าซีหายผมจะแต่งงานกับเธอ
จะไม่ทิ้งให้เธอเดียวดายอีกต่อไป
ซีอยู่ในห้องไอซียูนานถึง 5 ชั่วโมง
หมอก้อเดินออกมาจากห้อง
ผมรีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัวหมอแล้วถามว่า
ซีไม่เป็นไรใช่ไหมหมอ?
หมอเงียบสักพักแล้วตอบว่า
ผมเสียใจด้วยนะครับ?
ผมได้ยินคำนี้ถึงกับทรุดตัวลง
แล้วก้อนั่งร้องไห้ออกมา

หลังจากนั้นงานศพของซีของถูกจัดขึ้นท่ามกลางแขกหลายคน
รวมทั้งเพื่อนของซีด้วย
วันนี้เป็นวันสุดท้าย เป็นวันเผาศพ
แม่ซีแทนเข้ามาหาผมแล้วก้อยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผม
แล้วพูดว่า
ของที่อยู่ข้างในเป็นของที่ซีเขียนจดหมายไว้ให้แม่
บอกให้แม่มอบให้แทน?
ผมค่อย ๆ แกะซองนั้นออกข้างในมีสมุดเล่มเล็ก ๆ
กับม้วนวีดีโออยู่
หลังจากพีธีเผาศพเสร็จผมนั่งอยุ่ด้านหน้าจนแขกในงานกลับไปกันหมด
พ่อซีเดินเข้ามาหาผมแล้วพูดกลับผมว่า
ซีรักแทนมากนะ? แล้วพ่อก้อเดินกลับไป

ผมขับรถกลับมาคอนโด
ด้วยรอยคล้ำใต้ตา
ผมเดินไปหยิบม้วนวีดีโอเทปแล้วนำมันไปเปิด
ผมเห็นซีในชุดสีขาวเหมือนชุดในโรงพยาบาลไม่มีผิด
gt
ซีพูดว่า ?แทน .......
ถ้าแทนได้ดูม้วนวีดีโอนี้แล้วแสดงว่าซีไม่ได้อยู่แล้วนะ
ตอนนี้ซีอยู่ที่โรงพยาบาลในอเมริกา
แม่ซีพาซีมาหาหมอเพื่อที่จะผ่าตัดครั้งสุดท้าย
ถ้าผ่าตัดครั้งนี้ไม่สำเร็จ
หมอบอกว่าซีจะอยู่ได้อีกไม่ถึง 2 ปี
แต่ซียอมเสี่ยงเพื่อที่จะได้อยู่กับแทนตลอดชีวิต
ซีไม่โกรธแทนนะที่แทนไม่มาอเมริกากับซี
แต่แทนอย่าโกรธซีนะที่ซีไม่ได้บอกว่าซีเป็นโรคหัวใจ
ซีแค่ไม่อยากให้แทนกลุ้มใจ
ซีเห็นแทนพยายามในสิ่งที่แทนต้องการ
แค่นี้ซีก้อมีความสุขแล้ว
ซีรู้นะว่าแทนพยายามทำเพื่อใคร
แทนทำเพื่อซีใช่มั้ย
ถ้าคิดไปเองก้อขอโทษนะ
ซีอยากให้แทนรู้นะว่าซีรักแทนมาก มากที่สุดด้วย?
สัญญาณภาพก้อหายไป
น้ำตาขอผมออกมาชำระความโง่เขลาของตัวเอง
ทำไมผมไม่เอะใจกับคำพูดของเธอที่ว่า ?ขอโทษนะแทน

ซีไม่อยากทะเลาะกับแทนซีอยากจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขโดยมีแทนอยู่เคียงข้างนะ?
ผมน่าจะรู้ว่าเธอไม่สบาย
ผมน่าจะไปอเมริกากับเธอ
ผมนั่งคิดสักพักแล้วก้อหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน
ในนั้นเขียนว่า
ถึงแทนที่ซีรัก อย่าโทษตัวเองนะที่ไม่มีเวลาให้ซี
อย่าโทษตัวเองนะว่าผิด
เรื่องนี้ไม่มีใครผิด และก้อไม่มีใครถูก ซีรักแทน
แทนก้อรักซี ถึงเรา 2
คนจะไม่พูดแต่ซีก้อรู้สึกนะ
ถึงซีจะไม่อยู่แล้ว
แต่ซีก้อยังคงอยู่ในใจแทนนะ
ซีรักแทนมาก มากเกินกว่าที่จะเขียนลงไปได้
ซีอยากจะบอกกับแทนว่ารักจากปากของซีเอง
แต่มันคงไม่มีเวลาแล้ว
หลังจากที่ซีไปผ่าตัดแล้วผลออกมาล้มเหลว
ซีก้อป่วยมาตลอด ซีไม่ได้โกรธแทนนะ
แต่ซีไปหาแทนไม่ไหว ซีไม่อยากจะบอกให้แทนรู้
เพราะแทนกำลังตั้งใจกับงานที่ทำอยู่
สุดท้ายนี้ซีอยากจะบอกกับแทนว่า
ซีขอโทษซีอยู่กับแทนได้แค่นี้ ระยะเวลา
9 ปีที่ซีอยู่กับแทนถึงมันจะน้อยแต่ซีรู้สึกมีความสุขมากนะ
ลาก่อนแทนที่ซีรัก?
ผมอ่านจดหมายเสร็จ
ผมก้อนั่งร้องไห้และคิดอยู่ตลอดเวลาว่า
ตอนนี้ผมมีทุกอย่าง
มีทุกสิ่งที่จะซื้อได้ด้วยเงิน
แต่ผมกลับซื้อเวลาที่จะอยู่กับซีไม่ได้
แต่ถ้าผมซื้อเวลาคืนมาได้
1 นาที ผมจะบอกว่าให้ซีรู้ว่า ผมรักเธอมากแค่ไหน
1 ชั่วโมง
ผมจะรีบขับรถไปหาเธอแล้วบอกเธอว่าขอโทษที่จำวันเกิดไม่ได้นะที่รัก
1 วัน ผมจะอยู่กับเธอในวันเกิดที่ผมลืม
1 เดือน ผมจะไปดูแลเธอที่อเมริกา
และ 1 ปี ผมจะขอเธอแต่งงานและอยู่กับเธอ
ถึงแม้จะเป็นเวลาแค่ 1 ปีก้อตาม
ในชีวิตของคน ๆ นึง
จะมีสักครั้งมั้ยที่จะได้พบรักแท้ในรักครั้งแรก
ชีวิตเราเกิดมาเพื่อใคร และเกิดมาทำไม
อย่างน้อยชีวิตของผมที่เกิดมา
ก้อได้รู้ว่าเกิดมาเพื่อใครและพยายามเพื่อใคร
สำหรับรักครั้งแรกของผมนั้นผมคิดว่าจะเป็นรักครั้งเดียวในชีวิตของผมที่ดีที่สุด
ถึงแม้ผมจะไม่ได้บอกกับซีว่า
ผมรักซี
แต่ตอนนี้ผมจะบอกผ่านโพสต์นี้ไปถึงซีว่า
ผมรักซีมาก รักตั้งแต่วันแรกที่เจอ
ซีคือทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมีได้ในวันนี้
เพราะฉะนั้นผมจะไม่รักใครอีกนอกจากเธอ?
ซีจากผมไป 1 ปี กับ อีก 4 วัน
แต่เมื่อวานซีก้อยังทำให้ผมร้องไห้อีกจนได้ครับ
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวานตอนเย็น ผมกลับมาที่คอนโด
เพื่อเปลี่ยนชุดไปงานเลี้ยงของบริษัทที่ผมทำงานอยู่
หรือบริษัทของพ่อซี )
ผมเลือกเสื้อสูทที่จะใส่ไปงาน
ในขณะที่ผมเลือกอยู่ผมก้อเหลือบไปเห็นเสื้อสูทสีม่วงผ้ากำมะหยี่
ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเสื้อตัวนี้
ซีเป็นคนซื้อให้ผมก่อนที่เธอจะไปรักษาตัวที่อเมริกา
แต่ผมไม่เคยใส่มันเลย
เพราะเคยลองใส่ดูแล้วมันดูเหมือนนักสนุ๊กเกอร์อย่างไรไม่รู้
ผมเลยไม่ชอบ
แต่วันนี้ผมคิดถึงซีมาก
ผมเลยหยิบสูทตัวนี้ขึ้นมาใส่
พอใส่เสร็จผมมีความรู้สึกว่ามีของอยู่ในกระเป๋า
ผมจึงล้วงลงไปหยิบและเอามันขึ้นมาจึงรู้ว่ามันเป็นเทปคาสเซ็ทม้วนหนึ่ง
ด้วยความอยากรู้ว่ามันเป็นเพลงอะไรผมจึงตรงไปที่เครื่องเสียงแล้วเปิดมัน
เสียงแรกที่ผมได้ยินเป็นเสียงของ ซี
เธออัดเสียงของเธอลงในเทป
ต่อไปนี้จะเป็นคำพูดที่เธอพูดในเทปนะครับ
' สวัสดีค่ะ แทน นั่นแน่
แทนได้ฟังเทปแล้วแสดงว่าแทนแพ้พนันซีแล้วนะ
เพราะแทนบอกว่าจะไม่มีวันใส่สูทตัวนี้ (เธอหัวเราะเบา ๆ )
ในที่สุดแทนก้อใส่สูทตัวนี้จนได้ เฮ้อ ( เธอถอนหายใจ )
ตอนนี้เราจากกันนานหรือยังนะ
ขอโทษที่ซีพูดอย่างนี้นะ
ซีคิดว่าแทนคงได้ฟังเทปนี้ตอนที่ซีไม่ได้อยู่กับแทนแล้ว
แทนคิดถึงซีมั้ย
คงคิดถึงล่ะสิ
แทนอยากรู้มั้ยว่าตอนนี้ซีอยู่ที่ไหน
ถ้าอยากรู้ทำตามที่ซีบอกนะ
แทนเปลี่ยนเทปไปฟังที่ต้นหน้า B นะค่ะ '
แล้วเสียงซีก้อเงียบลง ผมจึงรีบกรอไปที่ต้นหน้า B
แล้วเปิดฟัง
' แทนค่ะ แทนทำตามที่ซีบอกนะค่ะ แทนหลับตาลงนะ '
แล้วผมก้อได้ยินเสียงคลื่น
แล้วก้อมีเสียงเธอพูดขึ้นว่า ' แทน
ซีว่าเปลือกหอยอันนี้สวยจังเลยนะค่ะ
แล้วเธอก้อพูดขึ้นมาว่า '
รู้มั้ยว่าตอนนี้เราอยู่กันที่ไหน '
ผมตอบกับตัวเองว่าทำไมจะจำไม่ได้
เพราะเสียงที่ผมได้ยินนั้นมันมาจากม้วนวีดีโอ
ที่เราไปถ่ายตอนไปเที่ยวที่ พัทยา
แล้วเทปที่มีเสียงของซีก้อยังคงเล่นต่อไป
ซีเปิดวีดีโอ มีเสียงที่อยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ
ที่
ผมกับเธอไปเที่ยวกัน
เสียงของเธอในเทปก้อพูดขึ้นมาว่า
' ตอนนี้แทนรู้ยังค่ะว่า ซีอยู่ที่ไหน
ซีอยู่ในใจแทนนะ
เวลาที่แทนคิดถึงซี
แทนก้อเปิดวีดีโอ หรือ รูปถ่ายของเราดูก้อได้นะ
และวันนี้ซีก้อจะรักษาสัญญากับแทนอีกเรื่องหนึ่งนะค่ะ
แทนจำได้มั้ย
แทนเคยร้องเพลงให้ซีฟัง ซียังจำได้นะ
แต่จำชื่อไม่ได้ว่าเพลงอะไร
แต่จำเนื้อร้องได้ท่อนนึงนะ ท่อนที่ว่า '
เส้นทางชีวิตของฉัน
ถึงแม้ว่ามันไม่โรยด้วยกลีบดอกไม้
แต่มันเป็นทางที่ฉันเลือกเดินด้วยหัวใจ
เส้นทางชีวิตสายนี้จะขอพิสูจน์ด้วยแรงและกำลังใจ '
และอะไรต่อจำไม่ได้แล้วค่ะ
ร้องได้แค่นี้ค่ะ
พอแทนร้องเสร็จ
แทนก้อบอกให้ซีร้องให้ฟังบ้างแต่ซีไม่ได้ร้อง
แทนเลยโกรธ แต่วันนี้ซีจะร้องให้ฟังนะ
แทนฟังให้ดีนะ
ซีอาจจะร้องไม่เพราะเท่าไรนะค่ะ
ซีจะฝากบทเพลงนี้ไว้แทนใจนะ
เมื่อไรที่แทนเหงาแทนจงฟัง
เพราะมันจะเป็นบทเพลงสุดท้ายไว้แทนใจ
เพราะตอนนี้เราคงต้องห่างไกลกันนะ ซีร้องแล้วนะ (
แล้วเธอก้อร้องเพลง )
' วันคืนที่เนิ่นนาน
อาจผ่านชีวิตคน
อาจเปลี่ยนใจคนให้เวียนหมุนไป
ทำเราจากกันนาน
ไม่เคยโทษใคร
มันเป็นเงื่อนไขของกาลเวลา
วันวานของเรา
แม้มันไม่คืนกลับมา
แต่อยากจะบอกให้เธอรู้ว่า
ฉันยังห่วงใย
ใจก้อยังคิดถึงเธอ
เหมือนแต่ก่อนเป็นมาเสมอ
แม้ว่าเธอจากฉันไป
ฉันยังเฝ้าดู
และอยากจะรู้ความเป็นไป
เพราะว่าฉันรักเธอดั่งเดิม เดิม
ถึงจะนาน
นานเท่าไร
ฉันขอพอใจขอเป็นอย่างเดิม
ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอต้องเหนื่อย
ไม่ต้องการจะทนเห็นเธอลำบาก
ได้แต่คอยเอาใจช่วยเธอทุกอย่าง
อยากให้เธอมีโลกที่สวยงาม
รักเธอเสมอ
ยังไงซีก้อรักแทนนะค่ะ '
สุดท้ายยย (
เสียงของเธอผมรู้สึกได้เลยครับว่าเธอกำลังร้องไห้เพราะเสียงของเธอสะอื้น )
ซีอยากจะบอกแทนว่า แทนอย่าปิดกั้นตัวเองเพราะซีนะค่ะ

ซีอยากให้แทนเจอคนดีดี
อย่าจบชีวิตตัวเองโดยไม่ใคร แทนเป็นคนดี
แทนต้องได้เจอคนดีดี
ซีเชื่อว่าต้องเป็นเช่นนั้น
ซีจะไม่โกรธถ้าแทนจะมีใครสักคน
แต่ซีจะโกรธถ้าแทน ปิดกั้นชีวิตเพราะซี แทนค่ะ
แทนอย่าทำให้ซีต้องเป็นห่วงนะค่ะ
แทนสัญญากับซีนะค่ะ
ว่าจะไม่ปิดกั้นตัวเอง
ถึงซีจะไม่ได้ยิน
ซีจะเงียบให้แทนพูดนะค่ะ .......
ไม่มีเสียงจากเทปครับ ผมก้อเลยพูดออกไปตามอารมณ์นั้น
แทนสัญญา

ผมก้อนึกว่าเทปคงหมดหน้าแล้วจึงเอื้อมไปปิด
ผมถึงกลับสะดุ้งและขนลุกทันที
ที่ได้ยินเสียงของซีออกมาจากเทปแล้วพูดว่า
ขอบคุณนะค่ะ
ถึงซีจะไม่ได้ยินแต่ซีเชื่อว่าแทนคงจะรักษาสัญญากับซีนะค่ะ
ว้าเทปหมดแล้วนะค่ะ ซีรักแทนนะค่ะ.................

ช่วงเวลาที่ผมได้ยินคำขอบคุณจากเธอ
ผมยังรู้สึกว่าเธอยังอยู่ข้าง ๆ ผมเลย
ผมคิดถึงเธอมาก
ผมนั่งคิดว่าทำไมซีถึงเข้มแข็งได้ขนาดนี้

ผมนั่งร้องไห้ไปตั้งแต่ได้ยินเสียงคลื่นจากทะเลของวีดีโอแล้ว
แต่เสียงเพิ่งมาร้องไห้ ตอนร้องเพลงให้ผมฟัง

ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย
ทำไมเธอไม่เคยบ่นว่าทรมานให้ ทำไมเธอถึงพูดได้ขนาดนี้
ผมฟัง
แล้วทำไมเธอยังเป็นห่วงชีวิตผมอีก
แล้วอย่างนี้ผมจะลืมเธอได้มั้ย
ผมจะเจอคนที่เป็นห่วงและรักผมได้อย่างนี้อีกมั้ย
แต่อย่างน้อยผมก้อยังรู้สึกได้ว่าเธอไม่ได้จากผมไปไหนไกล
แต่เธอยังอยู่กับผมใกล้ ๆ ในใจผมเสมอ
และแล้วผมก้อไปไม่ทันกล่าวพิธีเปิดงานเลี้ยงจนได้

พ่อของซีโกรธใหญ่เลย อิอิ

ท่านถามผมว่าไปทำอะไรมา
ผมแอบอมยิ้มแล้วตอบกับท่านว่า '

ผมนั่งฟังคนที่ผมรักพูดอยู่ครับ '
พ่อซีได้ยินเท่านั้นแหละทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกไปเลยครับ
อิอิอิอิ
สายลมพัดไปแล้วไม่หวนมา
เหมือนกับชีวิตคนตายไปแล้วก้อไม่ฟื้นขึ้นมา

ขึ้นอยู่กับว่าโลกสำหรับคนที่ตายนั้นมันเป็นอีกโลกนึง

แต่โลกสำหรับคนที่อยู่นั้นมันเป็นโลกแห่งความจริง
อย่ายึดติดกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน

และอย่าปิดกั้นในสิ่งที่เรียกว่ารักแท้

แต่จงยึดมั่นและเก็บความรู้สึกที่ดีไว้ให้กับรักแท้จะดีกว่า

มีพบก้อมีจากมันเป็นธรรมดา

C love Tan never die and forever but Tan forget me not .
Because C will alive in your heart.
นั่นคือจดหมายฉบับสุดท้ายที่ซีเขียนให้ผมและแนบไว้ในกล่องใส่เทปคลาสเซ็ท

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

Summer 30 Make-Up Secrets

 

1. อากาศร้อนแล้ว สาวๆ อาจไม่อยากแต่งหน้าแข่งกับอุณหภูมิที่สูงปรี๊ด ทำให้เทรนด์การแต่งหน้าบางใสเน้นเผยผิวที่แท้จริงมาแรงในช่วงนี้

2. ช่วงนี้ถ้าได้ยินคำว่า "แต่งหน้านู้ด" จำไว้เลยว่า สาวผิวขาวควรใช้เฉดสีชมพูช่วยให้ผิวดูขาวเปล่งปลั่ง ส่วนสาวผิวสีให้ใช้เสน่ห์ของประกายทองเพิ่มความสดใสยิ่งขึ้น

3. สาวไทยจะแต่งหน้านู้ดอาจไม่มั่นใจ เพราะใบหน้าดูไม่ค่อยมีมิติเหมือนสาวฝรั่ง ลองหาแป้งชิมเมอร์สีอ่อนมาไล้บริเวณสันจมูก กลางหน้าผาก และปลายคาง ช่วยเน้นโครงหน้าให้ชัดเจนขึ้นได้
4. "ลิปสติกสีนู้ด" ของคนผิวขาว หมายถึง สีเบจอมชมพูอ่อนหรือเจือส้มแอปริคอทนิดๆ (ทาแล้วต้องไม่ดูซีดจนเหมือนคนป่วย) หากสีผิวเข้มปานกลางก็เพิ่มโทนสีน้ำตาลปนชมพูขึ้นมาอีกระดับ แล้วเติมกลอสใสทับให้ดูสว่างสดใส สุดท้ายสาวผิวเข้มใช้สีน้ำตาลอมส้มผสมชิมเมอร์ที่สร้างมิติให้เรียวปากอิ่มเอิบและเซ็กซี่ราวกับสาวละติน

5. ถ้าตากแดดจนริมฝีปากคล้ำเกินงาม ก่อนทาลิปสติกให้ลงคอนซีลเลอร์หรือรองพื้นบนริมฝีปาก เพื่อปรับสีผิวให้อ่อนลง แล้วค่อยบรรเลงสีตามใจชอบ

6. แต่งตัวสีสันฉูดฉาดรับร้อนแล้ว สีสันของเมคอัพก็ไม่จำเป็นต้องจัดจ้าน โดยเฉพาะดวงตา แค่ไล้อายแชโดว์สีขาวหรือสีพาสเทลเป็นละอองบางๆทั่วเปลือกตา แล้วเพิ่มความโดดเด่นของสีที่บริเวณหัวตา ปิดท้ายด้วยการปัดมาสคาราสีดำทั้งขนตาบนและล่าง แค่นี้ก็ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตขึ้นอีกเยอะ

7. เดี๋ยวนี้แป้งฝุ่นแบรนด์ไหนๆ ก็ขอผสมมิเนอร์รัลไว้ก่อน เพราะเนื้อแป้งจะบางเบานวลเนียนเป็นธรรมชาติ แถมทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้นโดยเฉพาะเวลาต้องแสงแดด

8. แสงแดดแผดเผาอาจทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำระหว่างวัน ลองใช้เบสรองพื้นก่อนแต่งหน้าที่ผสมประกายมุก ช่วยให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอและปรับผิวให้แลดูเปล่งปลั่ง แถมใช้แล้วแป้งยังติดทนอีกด้วย

9. หยิบยืมไอเดียสีสันจากธรรมชาติอย่าง ฟ้าของท้องทะเล ขาวนวลราวกับเปลือกหอย หรือสีทองยามพระอาทิตย์ตก มาเป็นโทนสีสันเมคอัพของสาวๆริมหาดกัน

10. ร้อนขนาดนี้คงไม่อยากได้แป้งที่หนาเตอะ ให้ใช้แปรงขนาดใหญ่แตะแป้งฝุ่นเล็กน้อย แล้ววนแปรงลงบนฝาของตลับแป้งเพื่อให้เนื้อติดแปรงในปริมาณที่พอเหมาะ จากนั้นนำมาปัดผิวหน้าใบลักษณะวนเป็นวงกลม จะช่วยให้แป้งติดผิวได้ดีและไม่หนาเกินไป

11. เตรียมเครื่องสำอางไปทะเล แนะนำว่าให้หาเครื่องสำอางแบบสารพัดประโยชน์ชนิดที่ทาได้ทั้งแก้ม ตา และปาก จะได้พกความสวยไปได้ทุกที่

12. เบื่อผิวขาวแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการหาแอร์บลัชมาสเปรย์เปลี่ยนสีผิวเป็นสีแทน เซ็กซี่ โดยไม่ต้องไปอาบแดดให้ผิวเสียกันบ้างดีกว่า

13. ใบหน้าเป็นประกายด้วยบรอนเซอร์ จะกลับมาเสมอในทุกๆ หน้า หลังจากแต่งหน้าเสร็จ เพียงใช้แปรงขนาดใหญ่ปัดบรอนเซอร์บริเวณจุดที่แสงตกกระทบ ได้แก่ หน้าผาก โหนกแก้ม คาง ปลายจมูก อาจปัดเลยไปถึงเนินอกด้วยก็ช่วยเพิ่มเสน่ห์ดูเซ็กซี่

14. เลือกอย่างใดเพียงอย่างหนึ่งเท่านั้นว่า ต้องการให้หน้าสว่างด้วยประกายบรอนเซอร์ หรือจะเน้นเฉพาะตาด้วยการไล้อายแชโดว์สีทองหรือสีสว่าง เพราะถ้าทำ 2 อย่างพร้อมกันจะหาจุดเด่นบนใบหน้าไม่เจอ

15. ริมฝีปากฉ่ำระเรื่อเอาท์ดอร์เหมือนสาวสุขภาพดีด้วยลิปกลอสสีแดงกุหลาบ เคล็ดลับอยู่ที่การทาลิปกลอสบางๆให้ทั่วริมฝีปาก แล้วทาทับบริเวณกึ่งกลางริมฝีปากอีกครั้ง

16. แก้มแดงเหมือนหญิงสาวที่กำลังเขินอาย ยังคงฮิตตลอดกาล แนะนำให้ปัดบลัชออนก่อนปัดแป้งฝุ่น เพื่อให้ดูแนบเนียน สำหรับช่วงซัมเมอร์ อาจปัดบริเวณจมูกเบาๆเพิ่มด้วย

17. แตะชิมเมอร์สีชมพูอ่อนๆบนรอยหยักของริมฝีปาก หลังจากทาลิปสติกแล้วจะช่วยให้ปากดูได้รูปน่ารักขึ้น แถมถ่ายรูปกับแก๊งเพื่อนออนเดอะบีชแล้วออกมาสวยด้วย

18. จะไปว่ายน้ำทั้งที ไม่่อยากเผยให้เห็นใบหน้าอันหน้าซีดเซียว ให้หาทินท์แต้มริมฝีปากและพวงแก้มให้ดูสดใสแม้จะเปียกน้ำก็ไม่กลัว

19. รันเวย์ซีซั่นนี้สีม่วงมาแรงทั้งเมคอัพและเสื้อผ้า ฉะนั้นตอนกลางวันอาจทาอายแชโดว์สีม่วงไลแลคอ่อนๆดูสบายตา พอกลางคืนค่อยแปลงร่างเป็นสาวมั่น เพียงเติมสีม่วงเข้มบนเปลือกตาแบบสโมกกี้อายส์สุดเลิศ

20. ขนตาปลอมยังคงฮอตอยู่ แต่ขอเป็นแบบช่อเล็กๆมาติดแซมให้ขนตาดูดกหนาขึ้นจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า

21. สำหรับบีชปาร์ตี้มันส์ๆ จะติดขนตาปลอมเฉพาะหางตา หรือเล่นสีสันให้แปลกตาก็เก๋มากๆ

22. ลุคเปรี้ยวของฤดูกาลนี้ ต้องริมฝีปากแดงมันวาวเหมือนเคลือบพลาสติก แต่ส่วนอื่นของใบหน้าขอเป็นแบบนู้ดๆจะดีกว่า

23. เก็บลิปไลเนอร์เข้ากรุไปก่อน เพราะช่วงนี้ต้องทาลิปสติกให้เส้นขอบดูฟุ้งๆ เทคนิคอยู่ที่ทาลิปสติกเว้นขอบไว้เล็กน้อย แล้วค่อยใช้พู่กันเกลี่ยสีออกมาให้ใกล้ขอบปาก

24. การเขียนขอบตาล่างของซีซั่นนี้ ยกให้ดินสอสีอ่อนผสมประกายมุกจะดูสบายๆ มากกว่า

25. กรีดอายไลเนอร์ หลังจากลงสีอายแชโดว์อาจดูหนักไปสำหรับร้อนนี้ ลองเปลี่ยนเป็นกรีดอายไลเนอร์ก่อนแล้วใช้แปรงแต้มอายแชโดว์สีอ่อนแตะบนเปลือกตาเบาๆ (ทับอายไลเนอร์ได้) ก็ทำให้เส้นอายไลเนอร์ดูซอฟขึ้นและสวยไม่แพ้เทคนิคเดิมๆเลย

26. แค่แสงอุลตร้าไวโอเลต อย่างเดียวก็ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำจะแย่ อย่าซ้ำเติมตัวเองด้วยการปล่อยให้คิ้วรกจนไม่ได้รูป หามีดกันคิ้วหรือแหนบมาถอนออกเสียบ้าง แล้วหามาสคาราปัดคิ้วหรือที่เขียนคิ้วเนื้อฝุ่นสีน้ำตาลอ่อนหรือทองมาปัดย้อนแนวขนคิ้วก่อน (สีจะได้ติดครบทุกเส้น) แล้วค่อยปัดกลับมาตามรูปเดิมอีกครั้งให้เรียงเส้นสวยงาม ใบหน้าจะดูสว่างขึ้นเยอะ

27. อยากคิ้วโก่งดูเซ็กซี่ อย่าลืมใช้ปลายนิ้วแตะชิมเมอร์เพื่อไฮไลท์โหนกคิ้วให้เด่นชัดและได้รูป

28. ถ้ารู้สึกว่าใบหน้าร้อนจนเหนียวเหนอะหนะ แค่หาสเปรย์น้ำแร่มาฉีดเรียกความสดชื่น แล้วใช้ทิชชู่ซับเบาๆโดยไม่ต้องแต่งหน้าใดๆเพิ่ม

29. ระหว่างวันอย่าลืมสำรวจใบหน้าว่ามันเยิ้มหรือเปล่า เพราะนอกจากดูไม่ดีแล้วความมันยังทำให้เมคอัพที่แต่งมาซีดจางอีกด้วย

30. ไม่ควรละเลยที่จะมองหาเครื่องสำอางผสมสาร SPF แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดดได้เหมือนกัน

ขอบคุณข้อมูลจากสุดสัปดาห์
http://women.kapook.com/view1621.html

จะเลือกดื่มนมชนิดไหนดี

จะเลือกดื่มนมชนิดไหนดี

นม เป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่สำคัญทั้งในเด็ก และผู้ใหญ่
และเป็นแหล่งของแร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส
ซึ่งจำเป็นในการสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้
นมยังให้วิตามินบี 2 วิตามิน บี 12 รวมทั้งเป็นแหล่งไขมัน
และให้พลังงานได้ นมจึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา
สุขภาพของคนไทย จะเห็นได้จากนโยบายของรัฐบาล
ที่มุ่งให้เพิ่มการผลิต และบริโภคนมมากขึ้น โดยเฉพาะ
ในเด็กวัยเรียน หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ

นมที่ใช้บริโภคในปัจจุบันของบ้านเรา ส่วนใหญ่
มาจากน้ำนมโค โดยแบ่งผลิตภัณฑ์นมออกเป็น
4 ประเภท คือ
1. ผลิตภัณฑ์พาสเจอร์ไรซ์
2. ผลิตภัณฑ์สเตอร์ริไรซ์
3. ผลิตภัณฑ์ยูเอชที
4. ผลิตภัณฑ์นมผง

ผลิตภัณฑ์พาสเจอร์ไรซ์
นมสดพาสเจอร์ไรซ์ นิยมบรรจุในขวดพาสติกขุ่น
กล่องกระดาษหรือถุงพลาสติก โดยวางจำหน่ายในตู้เย็นหรือ
ตู้แช่ ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส เพื่อไม่ให้นมเสีย
เนื่องจากกระบวนการผลิตนมพาสเจอร์ไรซื ใช้อุณหภูมิต่ำ
ประมาณ 72 - 73 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 วินาที เพื่อ
ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำลาย
เชื้อจุลลินทรีย์ที่ทำให้อาหารเน่าเสีย กระบวนการนี้จะใช้
ความร้อนต่ำที่สุด เพื่อรักษากลิ่น และรสของน้ำนมสดไว้
นมสดพาสเจอร์ไรซ์ในท้องตลาด บรรจุในภาชนะที่มีสี
ซึ่งบอกความหมายที่แตกต่างกัน ดังนี้
- สีน้ำเงิน หรือสีแสด หมายถึง น้ำนมสดธรรมดา
มีไขมันต่ำ ร้อยละ 3.3 ขึ้นไป
- สีฟ้า หมายถึง น้ำนมสดพร่องมันเนย มีไขมัน
ประมาณ ร้อยละ 1 - 2
- สีขาว หมายถึง น้ำนมสดขาดมันเนย มีไขมัน
น้อยมาก ต่ำกว่าร้อยละ 0.1
- สีทอง หมายถึง น้ำนมสด มีไขมันถึงประมาณ
ร้อยละ 4

สำหรับเด็กและวัยรุ่น ควรบริโภคชนิดสีน้ำเงิน
หรือสีแสด ส่วนผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี หรือผู้ที่ต้องการ
ควบคุมน้ำหนัก หรือไขมันในเลือด ควรบริโภคชนิด
สีฟ้า หรือสีขาว
นอกจากนี้ ยังมีนมสดชนิดปรุงแต่งรสชาติ
ซึ่งมีสัญญลักษณ์ ดังนี้
- สีเขียว คือ นามสดรสหวาน
- สีน้ำตาล คือ นมสดรสชอคโกแลต
- สีชมพู คือ นมสดรสสตรอเบอรี่

นมประเภทนี้ จะมีส่วนผสมของนมสดประมาณ
ร้อยละ 95 ที่เหลือคือ น้ำตาล, กลิ่น และสี นอกจากนี้
กฏหมายยังไม่กำหนดปริมาณไขมัน ผู้ผลิตนิยมเติม
ไขมันในปริมาณเพียงร้อยละ 2 นมชนิดนี้ นิยมใช้ใน
โครงการอาหารเสริมของกระทรวงศึกษาธิการ และ
กระทรวงอื่น ๆ ซึ่งมักมีข้อด้อยกว่านมจืด คือ ราคา
แพงกว่า มีพลังงานจากไขมันต่ำกว่ามีน้ำตาลสูงกว่า
และมีมาตรฐานของโปรตีนต่ำกว่าเล็กน้อย

ผลิตภัณฑ์สเตอร์ไรซ์
นมสดสเตอร์ไรซ์ มักบรรจุในกระป๋องโลหะ
ปิดสนิท กระบวนการผลิตใช้ความร้อนสูง 110 - 116
องศาเซลเซียส เวลา 30 นาที เพื่อทำลายเชื้อจุลินทรย์
ที่ทำให้เกิดโรค และอาหารเน่าเสียในอุณหภูมิการเก็บ
รักษาปกติได้ (อุณหภูมิห้องปกติเก็บได้ 1 - 2 ปี)
ผลิตภัณฑ์นมสเตอร์ไรซ์ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
1. นมสดพร้อมดื่ม คือ นมสดธรรมดาที่บรรจุ
กระป๋อง ซึ่งฉลากระบุว่าเป็นนมโค 100%
2. นมข้นไม่หวาน คือ นมผงขาดมันเนย
ละลายน้ำในอัตราส่วนที่น้อยกว่าปริมาณน้ำที่มีในนมสด
ธรรมดาครึ่งหนึ่งแล้วเติมลงไป ถ้าเติมไขมันเนยลงไป
เรียกว่า นมข้นคือรูปไม่หวาน ถ้าเติมน้ำมันปาล์มลงไป
เรียกว่า นมข้นแปลงไขมัน ชนิดไม่หวาน
นมข้นไม่หวาน เมื่อนำมาบริโภคในรูปของน้ำนมสด ต้อง
เติมน้ำลงไปในอัตราส่วน 1:1 จะมีคุณค่าในแง่โปรตีน
และพลังงานใกล้เคียงกับน้ำนมสดธรรมดา แต่ชนิดที่ใช้
น้ำมันปาล์มมีปริมาณกรดไขมันจำเป็น และวิตามิน
บางชนิดต่ำกว่า จึงไม่สมควรใช้เลี้ยงทารก หรือเด็ก
อายุต่ำกว่า 2 ปี
3. นมข้มหวาน มีขั้นตอนการผลิตเริ่มต้นคล้าย
นมข้นไม่หวาน คือต้องมีการระเหยน้ำออก หรือละลาย
นมผงขาดมันเนยผสมกับไขมันเนยหรือไขมันปาล์มตาม
อัตราส่วนดังกล่าว แล้วจึงเติมน้ำตาลลงไปประมาณ
ร้อยละ 45 จะเห็นว่านมข้นหวานมีน้ำตาลในปริมาณสูงมาก
จึงต้องมีการผสมน้ำในปริมาณมากก่อนบริโภค ทำให้
คุณค่าทางโภชนาการโดยเฉพาะโปรตีนจานมจะต่ำกว่า
น้ำนมสดมาก นมข้นหวาน จึงไม่เหมาะสำหรับเลี้ยงทารก
หรือใช้เพื่อประโยชน์ในการเสริมคุณค่าอาหารเช่นเดียว
กับน้ำนมสดธรรมดา

ผลิตภัณฑ์ยูเอชที
น้ำนมสดที่บรรจุในกล่องยูเอชที คือ น้ำนมสดที่ผ่าน
กระบวนการให้ความร้อนที่สูงมากแต่ใช้เวลาสั้นมาก
(130 - 135 องศาเซลเซียส เวลา 1 - 3 วินาที) จึงทำให้น้ำนม
ยังมีกลิ่นและรสที่ดี ไม่มีกลิ่นเป็นนมต้ม (ไหม้) เหมือน
นมสดสเตอร์ไรซ์ นมสดที่บรรจุในกล่องยูเอชที มีอายุ
การเก็บในสภาพอุณหภูมิปกติได้นาน 6 เดือน สีของกล่อง
นมมีความหมายเหมือนกับสีที่แสดงอยู่บนขวดหรือกล่อง
นมพาสเจอร์ไรซ์ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีบรรจุ
ในขวดพลาสติก ซึ่งสามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา
อย่างน้อย 6 เดือนด้วยผลิตภัณฑ์นมผง

การผลิตนมผง
เป็นกระบวนการถนอมรักษานมสด
โดยการทำให้เป็นผงแห้ง การแปรรูปเป็นผงโดยการระเหย
น้ำส่วนใหญ่ออกจากน้ำนมสด ทำให้ผลิตภัณฑ์แห้งเป็นผง
มีน้ำหนักเบา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งและเก็บได้นาน

การเลือกซื้อต้องกระทำความความระมัดระวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนำไปเลี้ยงเด็ก นมผงที่เหมาะ
สำหรับเด็ก คือ นมผงที่ผลิตจากน้ำนมสดธรรมดาที่เรียกว่า
นมผงธรรมดาชนิดละลายได้ทันที ส่วนนมผงที่ผลิตจาก
น้ำนมขาดมันเนยผสมกับน้ำมันพืช ที่เรียกว่า นมผง
แปลงไขมัน ควรใช้เลี้ยงเด็กอายุตั้งแต่ 2 ปี ขึ้นไป
ส่วนนมผงชนิดพร่องมันเนยและขาดมันเนยไม่เหมาะ
ใช้เลี้ยงเด็ก แต่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหา
เกี่ยวกับน้ำหนักมากหรือไขมันในเลือดสูง
ถ้าจำเป็นต้องใช้นมผงชนิดพร่องมันเนยหรือ
ขาดมันเนยเพื่อเลี้ยงเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ควรเติม
น้ำมันพืชลงไปในปริมาณร้อยละ 3 - 3.5 หลังจาก
ชงนมเสร็จแล้ว
นมผงบรรจุกระป๋องที่ยังไม่ได้เปิดฝา สามารถ
เก็บไว้ได้นานประมาณ 2 ปี อย่างไรก็ตาม หลังจาก
เปิดกระป๋องแล้ว ควรเก็บไว้ในที่แห้งและอุณหภูมิ
ไม่สูงมาก หลังจากเปิดใช้แล้ว อายุการเก็บจะสั้น
นมากไม่ควรเกิน 15 วัน - 1 เดือน

การดัดแปลง / เสริมสารอาหารในนม
ผลิตภัณฑ์นมที่จำหน่ายในท้องตลาด ไม่ว่าจะอยู่
ในรูปแบบใด มักมีการดัดแปลง หรือเสริมสารอาหารเพื่อ
ให้เกิดความหลากหลาย และประโยชน์ทางการตลาด
อย่างไรก็ตามผู้บริโภคก็อาจได้รับประโยชน์เหล่านั้น
ถ้ารู้จักเลือกชนิดที่เหมาะสม การเสริมสารอาหารที่
พบบ่อยที่สุดได้แก่ การเสริมธาตุแคลเซียม ซึ่งนมพร้อม
ดื่ม ขนาด 250 มล. ให้แคลเซียมประมาณ 230 - 250 มก.
(ร้อยละ 30 ของความต้องการของร่างกายใน 1 วัน) นมที่
เสริมแคลเซียมมักให้แคลเซียมเป็นร้อยละ 50 (กฎหมาย
อนุญาตให้เสริมได้ไม่เกินนี้) นอกจากนี้ ยังมีการเสริมวิตามิน
และเกลือแร่บางชนิดในปริมาณที่แตกต่างกัน

ผลิตภัณฑ์นมบางยี่ห้อยังมีการแยกน้ำตาลแลกโตส
ที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียในผู้บริโภคที่ไม่สามารถย่อย
น้ำตาลชนิดนี้ได้ จึงเหมาะสำหรับผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว เพราะ
ช่วยให้สามารถบริโภคนมได้ตามปกติ
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์นมที่มีการเสริมสาร
พรีไบโอติค (prebiotics) ซึ่งระบุบนฉลากว่า prebio สาร
ชนิดนี้ เป็นคาร์โบโฮเดรตประเภทหนึ่ง ที่เรียกว่า ฟรุคโต
โอลิโกแซคคาไรซ์ ซึ่งพบในพืชบางชนิด และในน้ำนมแม่
สารชนิดนี้เชื่อกันว่าเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงจุลินทรีย์
ที่มีประโยชน์ ซึ่งอยู่ในลำไส้ของมนุษย์ ดื่มผลิตภัณฑ์นม
ประเภทใดคุ้มค่าที่สุด

การพิจารณาว่าจะเลือกดื่มนมชนิดไหน ขอให้ดู
ปัจจัยต่าง ๆ ประกอบกัน นมเป็นแหล่งโปรตีน แคลเซียม
และฟอสฟอรัสที่ดี การดื่มนมจึงมุ่งให้ได้สารอาหารดังกล่าว
เป็นสำคัญ สำหรับเด็กไขมันในนมก็สำคัญ ด้วยเพราะเป็น
แหล่งพลังงาน ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีไขมันด้วย
นมพาสเจอร์ไรซ์ นมสเตอร์ไรซ์ นมกล่องยูเอชที
นมข้นไม่หวาน และนมผง หากมีการใช้ถูกต้อง จะให้สาร
อาหารหลักที่กล่าวมาแล้วไม่แตกต่างกัน จึงขอให้เลือกตาม
กำลังทรัพย์ และความสะดวกที่มีอยู่ ถ้าทีปัญหาเรื่องน้ำตาล
แลกโตส อาจต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อนมชนิดที่ไม่มีแลกโตส
แต่ถ้าอยากได้วิตามิน และสารที่ใช้เสริมเพิ่มเติม ก็ต้องเลือก
ชนิดที่ผู้ผลิตเติมเข้าไป ซึ่งราคาก็แพงขึ้นไปอีก แต่ผู้บริโภค
ไม่ต้องกังวลถ้าไม่ได้ดื่มผลิตภัณฑ์นมชนิดนั้น ๆ เพราะว่านม
ไม่ได้ให้สารอาหารทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ เราจำเป็นต้อง
กินอาหารอื่น ๆ ให้หลากหลายด้วย ส่วนผู้ที่ดื่มนมไม่ได้
หรือไม่ชอบดื่มนม หรือดื่มนมแล้วไม่สบายท้อง อาจกิน
อาหารอื่นแทนเพื่อให้ได้แคลเซียม เช่น ปลาตัวเล็ก
ทอดกรอบ ปลากระป๋อง ผักใบเขียวเข้ม หรือเต้าหู้แข็งเป็นต้น

ขอบคุณบทความจากอาจารย์กันยา สุวรรณคีรีขันธ์ : คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
http://www.horapa.com

((( อาหารช่วยให้อารมณ์ดี )))

บางครั้งเรารู้สึกขาดความสุข อันเนื่องมาจากการขาดอาหารบางชนิด ที่จะช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข ลองทำความรู้จักกับอาหารที่จะช่วยให้คุณมีความสุขยิ่งขึ้นดูสิคะ

วานิลลา

ไม่ว่าจะเป็นวนิลลาในขนมหรือพุดดิ้งก็อร่อยลิ้นทั้งนั้น แถมยังมีกลิ่นวานิลลาหอมยั่วน้ำลายอีกด้วย และที่สำคัญก็คือ มันช่วยให้อารมณ์ร่าเริงแจ่มใส มีความสุข วานิลลาจึงเปรียบเสมือน ยาดับความโกรธและความทุกข์กังวล บำรุงเส้นประสาท และถ้าจะให้ได้ผลจริงๆ ก็ต้องกินวานิลลาของแท้





ช็อกโกแลต

ในช็อกโกแลตมีสารอาหารต่างๆ เกือบ 400 ชนิด โดยเฉพาะช็อกโกแลตดำมีประโยชน์กว่าช็อกโกแลตนมถึงสามเท่า นอกจากนี้ช็อกโกแลตขมหนึ่งห่อ ยังมีคาเฟอีนมากเท่ากับกาแฟหนึ่งถ้วย ซึ่งจะช่วยให้กระปรี้กระเปร่า






พริก

มีสารแคปไซซิน ซึ่งจะช่วยให้เรามีความสุขอารมณ์ดี คลายเครียด ผ่อนคลาย และกระตือรือร้น







ผักชี


ช่วยกระตุ้นให้อารมณ์ดี น้ำหอมระเหยและสีของผักชี จะส่งผลต่อระบบศูนย์ประสาท ดังนั้นจึงควรเติมผักชีในอาหารที่เรารับประทาน เช่น แกงจืด ยำ ฯลฯ






อาหารทะเล

มีโปรตีนทริปโตฟาน (Trytophan) มีวิตามินและเกลือแร่ เช่น โพแทสเซียม และแมกนีเซียม หากกินหอยแค่ 5-6 ตัว ก็สามารถช่วยให้อารมณ์ดีได้ เพราะมันมีผลต่อพลังทางจิต และช่วยให้ประสาทที่ตึงเครียดผ่อนคลายลง






ก๋วยเตี๋ยว

ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กหรือเส้นใหญ่ ก็มีคาร์โบไฮเดรตสูงทั้งนั้น ซึ่งมันจะช่วยผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขในสมอง จึงช่วยให้เรารู้สึกมีความสุขในสมอง จึงช่วยให้เรารู้สึกมีความสุข อารมณ์ดี ซึ่ง114ชาวกรีกโบราณรู้มานานแล้ว






นม

หากฮอร์โมนเซโรโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขลดลง จะทำให้เรารู้สึกถึงพลังที่ถดถอย อารมณ์เสีย แต่หากได้กินผลิตภัณฑ์จากนม จะช่วยให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนแห่งความสุขมากขึ้น


 

 

กล้วย


มีคุณค่าทางอาหารเช่นเดียวกับสับปะรด ซึ่งมีฮอร์โมนเซโรโทนิน แต่ไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า ฮอร์โมนจากกล้วยจะให้ผลดีเช่นเดียวกับที่ร่างกายสร้างขึ้นเองหรือไม่ แต่กล้วยก็เป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง และมีโปรตีนทริปโตฟาน ที่จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนเซเรโทนิน ซึ่งจะช่วยให้อารมณ์ดี





มันฝรั่ง

ให้พลังงานเหมือนโปรตีน แร่ธาตุและวิตามิน โดยเฉพาะมันฝรั่งมีวิตามินบี 6 สูง ซึ่งจะช่วยควบคุมการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย และช่วยปรับให้ฮอร์โมนสมดุล และช่วยให้ประสาทสงบ มีความสมดุล ไม่ขึ้นๆ ลงๆ แต่ควรเป็นมันผรั่งต้มหรือบด หรือมันฝรั่งในแกงมัสมั่นก็ได้ หากเป็นมันฝรั่งทอดกรุบกรอบจะทำให้อ้วนบั่นทอนสุขภาพมากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก www.kapook.com

เลือกดอกไม้.... สื่อแทนรัก

" ถ้าพูดถึงเรื่องความรักแล้ว หลายคนคงจินตนาการถึงสีชมพู สีแดง ดอกไม้หรือกิ๊ฟเซตของขวัญน่ารักๆ โดยเฉพาะช่วงเทศกาล วาเลนไทน์ปีนี้ หลายคนที่กำลังมีความรัก แทบจะนั่งนับเวลาถอยหลังกันเลยทีเดียว วันหวานๆ อย่างนี้จะมีอะไรน่าสนใจ ประทับใจเท่าดอกไม้ ดอกไม้แล้วก็…. ดอกไม้ เชื่อไหมว่า เพียงแค่ดอกไม้ดอกเดียว ก็สามารถทำให้คนรับยิ้มหน้าบานได้ทั้งวันกันเลยเชียว "
     
เนื่องในเทศกาลวาเลนไทน์ของทุกๆ ปี นอกจากจะมีดอกไม้ที่ได้รับความนิยมมากอย่างดอกกุหลาบแล้ว ยังมีดอกไม้อีกหลายชนิด
ที่สื่อความหมายได้ลึกซึ้งไม่แพ้กัน แถมแต่ละดอกแต่ละสี ก็บ่งบอกอะไรได้อีกตั้งมากมายหลายกระบวนความก่อนตัดสินใจเลือกสั่ง
หรือเลือกซื้อ ลองพินิจพิเคราะห์กันดูว่า ดอกไม้แบบใดที่ถูกใจ…ใช่เลย

กุหลาบ ROSE
พูดถึงวาเลนไทน์ ยังไงก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงดอกกุหลาบเป็นสิ่งแรก เพราะว่าค่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์แทนความหมายคำว่า "รัก" มานานหลายปี เรียกว่าตั้งแต่สมัยอาดัมกับอีฟ โน่น ! แล้วดอกกุหลาบสีอะไรจะเหมาะกับคนที่เรารัก เราจะลองมาดูถึงความหมายของดอกกุหลาบแต่ละชนิดกันก่อน เพื่อที่การมอบให้ใครคนนั้นจะพิเศษๆ แบบตรงใจ
กุหลาบแดง เป็นดอกไม้ที่ไมได้สื่อ่แค่เพียงบอกว่า ฉันรักเธอ, ผมรักคุณ ธรรมดาๆ เท่านั้น
แต่ลึงลงไปถึง รักความดีงามภายในใจของเขาและเธอด้วย กุหลาบขาว แทนความรักแบบบริสุทธิ์ใจ ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง กุหลาบสีชมพู โดยทั่วๆ ไปแล้ว สีชมพูจะหมายถึงความละมุนและอ่อนโยน โดยที่สีชมพูเข้ม
จะออกไปในแนวแสดงความขอบคุณมากกว่าแต่ถ้าเป็นสีชมพูอ่อนๆ ให้ความหวังว่าแค่ชอบๆ เท่านั้น
กุหลาบเหลือง บ่งบอกถึงความแคร์และห่วงใยที่จะรักใครสักคน กุหลาบสีส้ม เป็นสีที่ค่อนข้างจะอีโรติคมากกว่าโรแมนติคสักหน่อย คือ จะบ่งบอกถึงความใคร่และความต้องการ กุหลาบแดงสลับขาว แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของสองเรา
กุหลาบเหลืองสลับส้ม เป็นความหมายนัยๆ ว่าคุณหลงใหลเขาหรือเธอมาก ทีนี้ก็คงรู้แล้วว่าดอกกุหลาบสีต่างๆ นั้น บ่งบอกถึงความรู้สึกอย่างไรกันบ้าง คราวนี้ก็เลือกให้ถูกและเหมาะกับโอกาสแล้วกัน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
คาร์เนชั่น CARNATION
ก่อนที่เราจะไปดูถึงความหมายของดอกคาร์เนชั่นนี้ ก็เรื่องเล่าให้ฟังเกี่ยวกับดอกคาร์เนชั่นมาฝากนะ ว่ากันว่าสาววัยรุ่นเกาหลีนิยมแซมดอกคาร์เนชั่นไว้ที่ผม 3 ดอกเพื่อทำนายอนาคต ถ้าดอกบนสุดเกิดแห้งเหี่ยวไปก่อน หมายถึงบั้นปลายชีวิตจะลำบาก แต่ถ้าดอกกลางไปก่อน ในวัยเริ่มต้นเป็นผู้ใหญ่เธอจะมีต้องมีเรื่องเศร้าโศกเสียใจ และยิ่งแย่กว่านั้น ถ้าเป็นดอกล่างสุดโรยรา เธอจะทุกข์ทรมานไปทั้งตลอดชีวิต
      แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องเล่า เพราะจริงๆ แล้วดอกคาร์เนชั่นมีความหมายที่ดีกว่านั้น คือ มีเสน่ห์ ทำให้หลงรัก
แต่ถ้าให้ลึกซึ้งลงไปอีก ต้องเลือกสีตามนี้
สีแดง ให้เพื่อบอกเขาไปเลยว่า เรารักและชื่นชมเขามาก
สีชมพู หมายถึง ฉันคิดถึงคุณตลอดเวลา
สีขาว ให้เพื่อที่จะบอกเขาหรือเธอว่า คุณเป็นคนน่ารักและอ่อนโยน โดยเฉพาะหญิงสาวถ้าได้รับจงภูมิใจ เพราะคาร์เนชั่นสีขาวถือ
ว่าเป็นของขวัญนำโชคสำหรับผู้หญิงจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายสี เช่น สีเหลือง ม่วง และดอกลายๆ แต่ความหมายไม่เข้าท่าเท่าไร เอาเป็นว่า 3 ไม่ว่าจะส่งให้ใครหรือใครจะส่งมาให้…บอกได้คำเดียวว่า…เรื่องมันเศร้า
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลิลลี่ LILY
เมื่อพูดถึงดอกลิลลี่ เหล่าคริสตศาสนิกชนจะยกย่องให้ดอกลิลลี่เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ สดใส และไร้เดียงสา
ในประเทศจีน ถ้าฝันเห็นดอกลิลลี่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทำนายว่าจะได้แต่งงาน แถมชีวิตมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง
แต่ในตรงกันข้ามถ้าฝันเห็นลิลลี่ในช่วงฤดูหนาว ชีวิตจะสิ้นหวังแถมยังต้องตกอยู่ในสภาพไร้คู่ชู้ชื่นอีกด้วย
ก็แค่คำทำนายอย่าไปซีเรียสอะไรกันมากมายนัก เรามาดูกันดีกว่าว่าจะเลือกดอกลิลลี่สีอะไรจึงจะดีที่สุดกัน
ลิลลี่สีขาว บอกให้รู้ว่า คุณเป็นคนอ่อนหวานแสนดี ขอบคุณสวรรค์ที่ส่งคุณมาให้ ถ้าหาดอกขาวล้วนไม่ได้จริงๆ ถึงมีสีอื่นเหลือบๆ ปนมานิดหน่อย ก็ถือว่าเป็นสีขาว ใช้ได้
ลิลลี่เหลืองหรือส้ม ความหมายคล้ายๆกันคือ อยากให้รู้ว่าเขาเป็นคนที่ร่าเริงสดใส
ลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ เป็นสีที่ให้ความหมายลึกซึ้งกินใจว่า ความอ่อนหวานของคุณช่วยเติมชีวิตฉันให้สมบูรณ์
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ดอกมัม CHRYSANTHEMUM
นับว่าเป็นดอกไม้เป็นที่คนเอเชียนิยมชมชื่นกันมาหลายศตวรรษ เช่น ในประเทศจีนสมัยโบราณจัดให้ ดอกมัมเป็นหนึ่งใน 4 ของดอกไม้ชั้นสูง ปลูกได้เฉพาะในรั้วในวัง หรือที่ประเทศญี่ปุ่น ก็เช่นกันได้นำดอกมัมไปประดับบนบัลลังก์ที่ประทับของจักรพรรดิ์ ปัจจุบันบ้านเราเองก็นิยมปลูกกันมาก เพราะฉะนั้นดอกมัมก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สื่อความหมายดีๆ ให้กันในวันวาเลนไทน์ เพราะถ้าไม่เจาะจงสีของดอกมัม ก็ให้คำจำกัดความประมาณว่า คุณเป็นเพื่อนที่วิเศษที่สุดเท่านั้นเอง สีแดง ใช้แทนคำบอกรักได้ดี
สีขาว แสดงให้เห็นว่าเรานั้นมั่นคงและจริงใจ
สีเหลือง เหมาะสำหรับความรักที่เพิ่งแรกแย้ม
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เดซี่ DAISY
ถึงจะเป็นแค่ดอกไม้ป่าที่ขึ้นตามทุ่งหญ้าอย่างง่ายดาย แต่เดซี่ก็ได้รับยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์แทนความสดใสเด็กๆ ดูอย่างในหนัง
เรื่อง The Sound of Music เขายังให้เด็กๆ เริงร่าร้องเพลงอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกเดซี่เลย แต่ถ้าจะพูดกันในแง่ของความรักแล้ว
เดซี่ก็หมายถึงความบริสุทธิ์ใจที่มีให้ซึ่งกันและกัน ทั้งผู้รับและผู้ให้ ส่วนสีไหนจะตรงใจคุณมากกว่านั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง
เดซี่สีขาว บอกให้รู้ว่าพร้อมจะแบ่งปันความรักให้กันและกัน
เดซี่สีแดง ประกาศว่า ขอให้มั่นคงในรัก อย่าหวั่นไหวให้ใครเข้ามาจับจองได้อีก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ทิวลิป TULIP
เป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมกันมาก แต่สำหรับบ้านเรา ทิวลิปจัดว่าเป็นดอกไม้หายากและราคาแพง เพราะต้องสั่งมาจากต่างประเทศ แต่ถ้าได้อ่านบทความเรื่องนี้แล้วยากแค่ไหนก็ต้องหามาให้ได้ ว่ากันว่าตั้งแต่สมัยชนชาวเปอร์เซียว่า หนุ่มสมัยนั้นเขานิยมมอบดอกทิวลิปให้สาวที่ตนรัก เพื่อบอกให้เธอรู้ว่า คุณเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมทุกอย่างสำหรับผม หลายคนที่อ่านแล้วคงอยากเปลี่ยนใจเป็นฝ่ายรอรับมากกว่าให้เขาซะแล้ว
สีแดง เพื่อยืนยันว่า เราพร้อมจะเอาชนะทุกอุปสรรคที่มาขวางกั้นความรัก
สีเหลือง มีความหมายสั้นๆแต่กินใจว่า แค่เพียงรอยยิ้มของคุณ ก็ทำให้ฉันมีชีวิตชีวา
มีลายสลับกับสีต่างๆ เพื่อส่งไปชมเขาว่า ดวงตาของคุณสวยจัง
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
กล้วยไม้ ORCHID
ปิดท้ายกันด้วยดอกไม้สวยหวาน ที่ดูสง่างามและทนอย่างกล้วยไม้ ผู้หญิงกรีกสมัยโบราณคิดเอาเองว่า สามารถกำหนดเพศของลูกที่ยังไม่เกิดได้ด้วยรากของดอกกล้วยไม้ เช่นว่า ถ้าพ่อกินรากกล้วยไม้อันใหญ่ จะได้ลูกชาย แต่ถ้าแม่กินรากกล้วยไม้อันเล็กลูกจะออกมาเป็นผู้หญิง ที่เขานำกล้วยไม้มากำหนดเพศของลูก เพราะกล้วยไม้เป็นตัวแทนของความรักอันบริสุทธิ์และไร้เดียงสา
"  และถ้าจะเลือกส่งดอกกล้วยไม้ให้ใครสักคน ไม่ว่าจะสีอะไรก็แล้วแต่ ความหมายของกล้วยไม้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปจากการแสดงความรักที่บริสุทธิ์ ไปเป็นอย่างอื่นได้เลย"

เอามาให้อ่านดู ขำดีนะ ^-^

1. ข้างกล่องยาจุดกันยุงแบบขดยี่ห้อนึงเขียนไว้ว่า
“วัตถุมีพิษ ห้ามรับประทาน” ….ผ่างงงงงงง !!!
(ใครอยากฆ่าตัวตายด้วยการกินยากันยุงแบบขด ก็ตามใจมันเถอะ)

2. บนถุงขนมขบเคี้ยวยี่ห้อนึง
“คุณมีสิทธิ์ได้รับรางวัลโดยไม่จำเป็นต้องซื้อโปรดอ่านรายละเอียดในซอง” (อ้าว..)

3. แปะอยู่บนสบู่ยี่ห้อดัง
“วิธีใช้ : เหมือนสบู่ทั่วไป” (ขอบใจนะ)

4. บนกล่องอาหารแช่แข็ง
“โปรดอุ่นก่อนรับประทาน” …
(ถ้าคนเปิดมันโง่นักก็ให้มันแ-กเข้าไปเถอะ)

5. บนที่เป่าผมยี่ห้อนึงเขียนว่า
“ห้ามใช้ขณะหลับ” ..(จะบ้าตาย)

6. พิมพ์อยู่ด้านใต้ของกล่องเค้กที่ขายในห้างดัง
“คำเตือน : ห้ามคว่ำกล่อง” ????????

7. บนกล่องซาลาเปาในร้านสะดวกซื้อ
“คำเตือน : อาหารจะร้อนเมื่อนำเข้าไมโครเวฟ”
(มันคงเย็นหรอกน๊ะ)

8. บนกล่องเตารีด
“ห้ามใช้รีดผ้าขณะที่สวมใส่” ... - -'

9. บนกล่องยาแก้หวัดเด็ก
“ห้ามขับรถ หรือคุมเครื่องจักรขณะรับประทานยานี้ ... o_O!!

10. บนกล่องยานอนหลับ
“คำเตือน : อาจทำให้ง่วงเมื่อใช้ยานี้”
(ทำไมต้องบอกกกกกก...ที่กินก็เพราะกรูอยากง่วงงงงง)

11. บนกล่องไฟประดับฉลองปีใหม่
“ใช้สำหรับภายในหรือภายนอกอาคาร” (ไม่บอกไม่รู้น๊ะเนี่ย -_-')

12. บนกล่องถั่วกระป๋องยี่ห้อดัง
“วิธีใช้ : เปิดกระป๋องแล้วรับประทานถั่ว” (ขอบคุณที่บอก (_ _'))

13. บนชุดซุปเปอร์แมนของเด็ก
“คำเตือน : คนสวมใส่เสื้อผ้านี้ไม่สามารถทำให้บินได้”
(เพิ่งรู้นะเนี่ย -"-!!)

“9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์”

โดย วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด ผู้หญิงสมัยนี้ อยากสวย ฉลาด และสุขภาพดี ทุกคนจึงพากันดูแลรูปร่าง ด้วยการออกกำลังกาย เคร่งครัดเรื่องอา หารการกิน แต่ไม่เคยมีใครสนใจว่าจะดูแลสมองอย่างไรให้มีสุขภาพดี ทั้งที่สมองเป็นอวัยวะที่ตัดสินใจทุกเรื่องของชีวิต เราจึงควรเอกเซอร์ไซส์สมองให้ไบรท์ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ต่อไปนี้

1. จิบน้ำบ่อย ๆ
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ

2. กินไขมันดี
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8. เขียนบันทึก Graceful Journal
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9. ฝึกหายใจลึก ๆ
สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %
การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม
แหล่งที่มาจาก : kittitpx

นมสด1แก้ว เรื่องจริงที่น่าเหลือเชื่อ

เมื่อหลายปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
เด็กชายเคลลี่ ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน
เขาต้องหาเงินไปโรงเรียนเองด้วยการนำสิ่งของใส่กระเป๋าเดินไปขายตามบ้านที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง
วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่ารถและค่าสินค้าแล้ว เขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์ เท่านั้น

ขณะนั้นเขากำลังหิวมากแต่เงินสดที่เขามีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว
ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึงแต่เมื่อกดกริ่ง หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตูเด็กชายเคลลี่ กับเกิดความละอายใจที่จะขออาหารเหมือนกับขอทาน เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้นแต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตุเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่าคงจะกำลังหิวเธอจึงได้นำเอานมสดแก้วใหญ่มาให้เคลลี่ดื่ม เด็กชายเคลลี่ดื่มนมอย่างกระหาย จนหมดแก้ว


แล้วถามว่า ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ครับ
เจ้าของบ้านสาวตอบว่า ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้น้ำใจไมตรีเคลลี่ซาบซึ้งใจมากและตอบว่าถ้าเช่นนั้น ผมขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ

ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่รู้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น
แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย......

อีก 30 ปีต่อมา มีหญิงคนหนึ่ง ป่วยหนักด้วยโรคหัวใจ
ซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้ จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านโรคหัวใจทำการรักษา
เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้ว.....

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นได้สะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้นจึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษ โดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุดและยาราคาแพงที่ดีสุด จนผู้ป่วยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้าน ผู้ป่วยมีความกังวลว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงจะต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และยังไม่สามารถไปเบิกได้จากที่ไหนได้

แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ได้บอกเจ้าหน้าที่แผนกบัญชีให้นำใบเก็บเงินไปให้เขา แล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัด
แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลยข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า
จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว “ด้วยนมสดหนึ่งแก้ว”
ลงนาม นายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่

ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว
เป็นเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวกับน้ำใจไมตรีในต่างประเทศ
(ข้อมูลจากคณะทำงานกลุ่มน้ำใจไมตรี ประเทศสิงคโปร์ จากจดหมายของนายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่)

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

10 วิธีคลายร้อนแบบประหยัด

 

10 วิธีคลายร้อนแบบประหยัด
1.อาบน้ำ
เย็นๆเดี๋ยวก็หายร้อน (ถ้าใครอาบน้ำร้อนระวังโดนลวก)
2.ทาแป้งเย็น ชื่อก็บอกว่าแป้งเย็นไม่หายร้อนให้รู้ไป
3.หาที่ตากแอร์ ในร่ม เช่น ห้างสรรพสินค้า ในร้านมินิมาร์ค ซูปเปอร์มาเก็ต ร้าน7-11 ธนาคาร สวนสาธารณะ ลานสเก็ตน้ำแข็ง ห้องสมุด ห้องดับจิต(อันนี้ล้อเล่นไม่แนะนำให้ไป)
4.ว่ายน้ำ เล่นน้ำ แถวสโมสรกีฬาที่มีสระว่ายน้ำให้ลงเล่นได้ หรือจะเล่นที่แม่น้ำ หรือน้ำตกก็ได้ถ้าอยู่ไกล้
5.ใช้พัดแบบมือจับ ประหยัดไฟไง
6.ทานของเย็นๆ ทานไอศกรีม น้ำหวานเย็นๆอย่างน้ำเฉาก๊วย แก้ร้อนใน หรือน้ำใบบัวบก ก็ได้แถมแก้ช้ำในด้วย(ขอแนะนำให้คนที่พึ่งอกหักหามาทานซะ)
7.นั่งรถกินลม ถ้าใครมีมอเตอร์ไซค์ จะขับรถกินลมเอาก็ได้ ถ้าไม่มีก็เอาแค่รถเมย์ ที่มีบริการฟรีตอนนี้(ใครอยากนั่งรถไฟฟรีก็ได้นะแต่กลัวจะเลยไปไกลกลับบ้านช้านะสิ)
8.ใช้ปืนฉีดน้ำ หรือสแปรที่ใช้ฉีดเพื่อรีดผ้า ใส่น้ำสะอาดแล้วเอามาฉีดใส่ตัวเองซะ เย็นดี
9.รดน้ำต้นไม้ นอกจากจะคลายร้อนยังได้ออกกำลังกาย แถมทำงานไปด้วยก็ได้ 3 in 1
10.ทำใจเย็นๆ อย่าโกรธ อย่าโมโห ทำใจให้สงบแล้วจะสยบความร้อนที่ร้อนดังไฟได้ แม้กระทั่งไฟริษยา(อากาศร้อนมันอยู่ที่ใจ) คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

เคล็ดลับดีๆ ที่ทำให้คนรักกันยืดยาว

1. รู้จักให้อภัย
คือ ประมาณว่า อย่าไปมองข้อเสียข้องเค้า ยอมรับสภาพในสิ่งที่เค้าเป็น เวลาทำอะไรผิด อย่าไปมองว่า เค้าผิดฝ่ายเดียว อาจจะดูตัวเอง บ้าง

2. แชร์ความรู้สึกระหว่างกัน
คือ มีอะไรไม่สบายใจ หรือข้องใจ ก้อควรจะพูดๆ กันไป ไม่โกหกใส่กัน ธรรมชาติของผู้ชาย จะไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิง โดยธรรมชาติแล้ว ผู้ชายจะสนใจเรื่องส่วนตัว กับเรื่องงานซะมากกว่า
ถ้ามีเรื่องผิดใจกัน ผู้หญิงควรจะเอ่ยออกมา แล้วเค้าจะค่อยๆ เรียนรู้ไปเอง ถ้าไม่บอก เค้าก้อไม่รู้

3. มีเวลาให้กันและกัน
คือ อาจจะลองมองหากิจกรรม ที่เรา 2 คนทำแล้ว ชอบเหมือนกัน เช่น เล่นกีฬา หรือ ชวนทำงานอดิเรกอะไรต่างๆ

4. ความเข้าใจกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
คือ คน 2 คนถูกเลี้ยงมาในสภาวะที่ต่างกัน ดังนั้น การที่จะไม่เข้าใจกันจึงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา เพราะสามารถทำให้คนเลิกรากันได้ ดังนั้น ถ้าเค้าเข้าใจเรา เราก้อควรจะเข้าใจเค้าเหมือนกัน

5. ยอมกันบ้าง
คือ เช่น เวลาทะเลาะกัน บางทีก้อไม่ควรหักดิบ ควรจะเป็นฝ่าย ที่เงียบ หรือเลิกทะเลาะไปเองก่อน หรือ บางครั้งเค้าก้ออาจจะยอมเราไปเอง

6. รู้จักสังคมของทั้ง 2 ฝ่าย
คือ เป็นไปได้ ก็ควรจะออกไปไหนมาไหนกับเค้า เมื่อเวลาเค้าไปกับเพื่อน จะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่า ตามไปตลอดเวลา เพราะอาจจะทำให้เค้ารู้สึกอึดอัดแทนก้อได้

7. ยอมรับในความแตกต่าง
คือ คนเรา ความคิด มันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางครั้ง อาจจะขัดแย้งกัน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ก้อตาม เราจึงต้องเรียนรู้กันและกัน เพื่อให้รับกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย และอย่าไปคาดหวังว่า เค้าจะไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อ รู้จักกันไปนานๆ

8. เอาใจเขามาใส่ใจเรา
คือ หลายๆ เรื่องที่ทะเลาะกัน ก้อเกิดมาจากคน 2คน ถ้าเราทำอะไรไม่ดี เราก้อต้องเข้าใจ อะไรทำให้เค้าโกรธ อย่ามองตัวเองเป็นศูนย์กลางไปทุกเรื่อง

9. เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
คือ งานก้อส่วนงาน บ้านก้อส่วนบ้าน อย่าเอามาปนกัน อย่าเอาเรื่องเครียดๆ มาโยนใส่กัน

10. รู้จังหวะ และ สถานการณ์
คือ เช่น ถ้าเค้าเครียด กำลังไม่สบาย กำลังอ่อนแอ เราก้อไม่ควรหาเรื่องทะเลาะ ควรหันหน้ามองกัน ให้กำลังใจเขา ปรึกษากัน เอาใจเขามาใส่ใจเราเข้าไว้

 

Desenvolvido por EMPORIUM DIGITAL