วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

กลกามา

“ผ่าเถอะ ! อุบาทว์จริงๆ”

ดำสบถลั่น ขณะโผล่พรวดออกจากซอยเล็กๆ มายืนหอบแฮ่กๆ ลิ้นห้อยเหมือนหมาอยู่ริมถนนใหญ่ แสงจากพระจันทร์กลมเบี้ยว ลอยหรุบหรู่เหนือตึกสูงของกรุงเทพมหานคร สะท้อนสีหน้าเด็กหนุ่ม ที่ยังคงไม่หายจากอาการตื่นตะลึง

หัวกบาลเต็มไปด้วยคำถามที่ว่า

“ทำไมเรื่องบ้าๆ อย่างนี้ จึงต้องมาเกิดขึ้นกับกูด้วยวะ?”

............................

เย็นที่ผ่านมา หลังเลิกงานในร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ย่านคลองถม และกำลังจะกลับห้องเช่าที่วงเวียนใหญ่ตามปกติ เฮียเจ้าของร้านเกิดมีงานด่วน ต้องบินไปเจรจาธุรกิจที่เชียงใหม่กะทันหัน

อาจเพราะในบรรดาลูกจ้างทั้ง 5 คน เฮียสนิทสนมกับเขาที่สุดก็เป็นได้ เฮียจึงสั่งให้เขาอยู่นอนเป็นเพื่อนเมียที่ห้องว่างชั้นล่าง

ซึ่งที่ผ่านมา ไม่เคยมีลูกจ้างคนไหนเคยได้นอนค้างที่ร้านเลย หลังเลิกงาน จะมีเพียงนายจ้างสองผัวเมียที่เพิ่งข้าวใหม่ปลามัน นอนอยู่ที่ชั้นบนของร้านเท่านั้น

“เจ๊เขาไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายในชีวิตส่วนตัวของเราว่ะ เสร็จแล้วก็บ้านใครบ้านมันละกันนะ”

เฮียเคยบอกพวกเขาอย่างนั้น ในคืนหนึ่งที่มีงานล้นมือ ต้องอยู่ทำงานล่วงเลยกันจนถึง ดึกดื่น

แม้ในตอนแรก ดำพยายามปฏิเสธจะไม่ขอนอนค้าง โดยยกเหตุผลต่างๆ นานาขึ้นมาอ้าง

“ทำไม ไม่ให้ญาติเฮียหรือญาติเจ๊มานอนเป็นเพื่อนละครับ ?”

“เฮ้ย ! ต่างคนต่างก็มีภาระกันทั้งนั้น”

เฮียพูดเสียงดัง มีเจ๊ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ จากนั้นจึงเดินไปหยิบเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงชาวเลสีดำ ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ จากมุมหนึ่งของร้าน มายื่นให้

“แล้วพรุ่งนี้ ผมจะใส่ชุดไหนทำงานละครับเฮีย ?”

“เรื่องมากจัง พรุ่งนี้เช้าก็กลับไปเปลี่ยนสิโว้ย! ”

ทว่าที่สุด ดำก็ต้องยอมจำนน...

กระทั่งตกดึก ดำหลับเพลินๆ เสียงเจ๊ก็มาเรียกที่หน้าห้อง บอกว่าไฟในห้องนอนดับ ให้ช่วยไปดู ทันทีที่ประตูเปิดผ่าง ดำก็หงายหลังผึ่ง เมื่อแลเห็นร่างอวบในชุดนอนสีชมพูบางๆ มายืนขาวล่อนใต้แสงไฟ เด็กหนุ่มเบือนหน้าหนี รีบจ้ำพรวดๆ ขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอน

ก้าวแรกที่เหยียบย่างเข้าไปในห้อง พลันใบหน้าของดำก็ต้องซีดเผือดลง เพราะในความสลัวที่มีแต่แสงสว่างจากจอโทรทัศน์ขนาด <?:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com:office:smarttags" />29 นิ้ว มีเครื่องเล่น VCD ที่สมบัติ เมทะนีโฆษณา วางอยู่ข้างๆ ตรงปลายเตียง ภาพฝรั่งหญิงชายคู่หนึ่ง กำลังเปลือยกายสำเริงสำราญกันอย่างถึงพริกถึงขิง จึงได้มาปรากฏแก่สายตา เสียงสูดปากราวกับกินพริกขี้หนูสวนเข้าไปสักกำมือ ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้อง เด็กหนุ่มกลั้นใจ ข่มเสียงถามหาไฟฉาย เพื่อจะใช้ดูดวงไฟนีออนบนเพดาน

“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกน่า”

ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอขึ้น

“สนใจเจ๊ดีกว่า”

พูดจบ หล่อนก็ขยับร่าง มายืนจังก้าตรงหน้า ระยะห่างไม่เกินศอก น้ำหอมกลิ่นฉุนลอยฟุ้งมาถีบจมูก

“เคยดูรึเปล่า... า...า... ?”

หล่อนลากเสียงยาวยวนยั่ว ชายตาไปที่จอโทรทัศน์

ดำไม่ตอบ ขมวดคิ้วถามตัวเองว่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ๊ที่เคยเป็นคนเรียบร้อยราวผ้าพับไว้ แต่ทำไมตอนนี้จึงกลายมาเป็นนางแมวยั่วสวาทไปได้

ข้างฝ่ายเจ๊ซึ่งจ้องมองเขาไม่วางตา ยื่นมือมาลูบไล้ใบหน้า ระเรื่อยลงมาจนถึงแผงอกกำยำนอกเสื้อยืด

“เธอหล่อเหลือเกิน รู้ตัวไหม ดำ ? เจ๊แอบหลงรักเธอ และอยากอยู่ใกล้ชิดเธออย่างนี้มานานแล้ว”

วินาทีนั้น สำนึกแห่งความผิดชอบชั่วดีเกือบจมหายไปใต้อำนาจมืดอยู่รอมร่อ หากดำจะไม่ฉุกคิดถึงเฮีย ผู้หยิบยื่นงานให้ เมื่อแรกเข้ามาในป่าคอนกรีตนี้ใหม่ๆ โดยพกพาเอาความรู้เพียงชั้นม.3 ติดตัวมาจากท้องนาเท่านั้น

สำนึกนั่นเอง ที่ทำให้ดำโพล่งพูดออกไปว่า

“เจ๊ช่วยเอามือออกไปเถอะครับ ทำอย่างนี้ มันไม่ดีกับเฮีย”

“ฟังนะ ดำ เฮียจะไม่มีทางรู้หรอก ถ้าเราไม่พูด”

“ถึงเฮียจะไม่รู้ แต่ผมกับเจ๊ก็รู้นี่”

“เอาละ เธออยากได้อะไร บอกมาเถอะ เจ๊จะให้ทุกอย่าง เจ๊รักเธอนะ ดำ”

เจ๊รีบยื่นข้อเสนอ ชูมือที่มีธนบัตรใบละร้อยอยู่ปึกหนึ่ง ดำไม่รู้ว่ามันมาได้อย่างไร แต่มันกำลังถูกยัดเข้ามาในมือเขา พร้อมกับที่เจ๊ค่อยๆ เขยิบร่างเข้าใกล้กว่าเดิม ดำรีบยันร่างนั้นให้ออกห่าง กำเงินปึกนั้นไว้ในมือแน่น

“เจ๊รักผมจริงๆ หรือ?” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียบๆ

หล่อนทำท่าจะโผเข้ามาอีก แต่ดำก็ยกทั้งมือทั้งเท้าห้ามไว้

“โธ่ ! ดำ สาบานได้ เจ๊รักเธอ”

“ขอบคุณ!”

สิ้นเสียง ดำขว้างเงินปึกนั้นใส่หน้าหล่อนจนกระจาย อีกมือหนึ่งตบเพี๊ยะเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง ลึกๆ แล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกสะใจประหลาด เจ๊ล้มกลิ้งลงไปนอนกับพื้น แหงนหน้าตกตะลึงขึ้นมองดำ

“ก้มลงไปเก็บเงินของเจ๊คืนไป เก็บมันไว้ในหัวใจสกปรกของเจ๊ และจงจำไว้ว่า เงินของเจ๊ ซื้อหัวใจผมไม่ได้”

ดำตะคอกคำพูดที่จดจำมาจากละครโทรทัศน์หลังข่าวเสียงลั่น ก่อนเผ่นแน่บออกจากห้องนอน กระโดดลงบันไดทีละ 2 ก้าว วิ่งออกนอกร้านไปทางประตูหลัง ลัดเลาะตามซอยเล็กแคบที่จะทะลุไปยังถนนเจริญกรุง...

............................

เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่เรื่องเลวร้ายไปจากหัว ดวงตาเหน็ดเหนื่อยมองล่อกแล่กไปทั่วบริเวณ แลเห็นป้ายรถเมล์ลิบๆ ตา เริ่มต้นสืบเท้าเข้าไปหา

ทันใดนั้น รถเก๋งคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดเทียบข้างๆ กระจกด้านคนขับไหลพรืดลงมา

“เฮ้ ! ดำ ขึ้นรถไปนอนที่ร้านกันเถอะ ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ไม่มีรถเมล์แล้วล่ะ” ดำทำท่าตกใจเหมือนถูกผีหลอก เมื่อเห็นเฮียมานั่งยิ้มเผล่หลังพวงมาลัยรถ มีเจ๊ในชุดเสื้อคลุมยาวมิดชิดนั่งเคียงข้าง ทั้งที่ยังงงๆ ดำเงอะงะไปเปิดประตูหลังและก้าวเข้าไปนั่งในรถ

“ฉันต้องขอโทษแกด้วย ที่ฉันกับเมียวางแผนลองใจแกอย่างนี้”

“ลองใจ ?” ดำตีสีหน้างงหนักขึ้นไปอีก

“เอ่อ ... คืออย่างนี้ นับจากนี้ ฉันคงต้องออกต่างจังหวัดเพื่อไปติดต่องานมากขึ้น จึงอยากหาใครสักคนมานอนเป็นเพื่อนเมีย ในตอนที่ฉันไม่อยู่ ฉันกับเมียก็เลยอยากจะทดสอบดูว่า เราสามารถไว้ใจแกได้จริงๆ หรือไม่ จึงช่วยกันวางแผนนี้ขึ้นมา” เฮียพูดยิ้มๆ ชำเลืองมองเจ๊ที่ไม่มีคำพูดใดๆ แล้วเหลียวหน้ากลับมาที่ดำ

“เหตุการณ์ทั้งหมด ฉันได้เห็นได้ยินตลอด เพราะแอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอน แกนี่มันยอดมนุษย์จริงๆ เลยว่ะ มิเสียแรงที่ชุบเลี้ยงมาหลายปี”

เฮียหัวเราะเสียงลึกอยู่ในคอ ขณะที่ดำนั่งตัวแข็งทื่อ

สักพัก รถเก๋งจึงแล่นมาจอดที่หน้าร้านซึ่งเป็นตึกแถวหลายชั้นริมถนน ดำลงไปไขกุญแจ เปิดประตูซี่กรงเหล็กด้านหน้า ทั้งหมดพากันเข้ามาในร้าน เจ๊และเฮีย เดินมาส่งดำที่หน้าห้อง แล้วทั้งสองจึงแยกเดินขึ้นชั้นบน

แต่แล้วเฮียก็หยุดชะงักตรงกลางบันได ปล่อยให้เจ๊ที่มีรอยยิ้มตรงมุมปากก้าวเดินต่อไปยังห้องนอน หมุนตัวกลับมาพูดกับดำว่า

“อืม...เราตกลงกันว่า อยากให้แกมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเสียเลย จะได้ช่วยดูแลเรื่องขโมยขโจรให้ด้วย ยังไงพรุ่งนี้ แกก็บอกคืนห้องเช่าเขาเลยละกันนะ”

ดำพยักหน้าหงึกๆ เหมือนไก่ผงกหัว

....................

“ก๊อก ก๊อก”

พักใหญ่ๆ ในความเงียบสงัดของราตรี ดำยังคงนอนหลับตานิ่งอยู่ชั่วขณะ สูดหายใจลึกๆ แล้วลุกพรวดไปที่ประตู พลันที่เปิดประตูออกไป ร่างของเฮียก็มายืนยิ้มหวานอวดร่างยักษ์อยู่แล้ว ทั้งสองผวาเข้ากอดและแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม

“เฮียบอกแล้วไง เราต้องได้อยู่ด้วยกันมากขึ้นกว่าเดิม”

ดำในชุดนอนผู้หญิง ผ้าชีฟองสีแดงเพลิงแนบร่างล่ำบึ๊ก กางเกงในจีสตริงสีเดียวกันโผล่แลบออกมาให้เห็นรำไร ลิปสติกสีม่วงอาบไล้ริมฝีปาก ยืนยิ้มบางๆ บิดตัวเอียงอายในอ้อมแขนใหญ่ มีมือที่เหมือนกิ้งกือยักษ์ไต่ไปทั่วร่าง

“เอ่อ...ว่าแต่ว่า จ...จ...เจ๊หลับแน่แล้วหรือ เฮีย” เสียงเครือๆ เอ่ยถาม

“ยานอนหลับของเฮีย ต่อให้ช้างกินเข้าไปแค่ครึ่งเม็ด ก็หลับเป็นตาย แต่นี่เฮียใส่ลงไปทั้งเม็ดในน้ำเย็นที่ให้เจ๊ดื่ม แล้วจะไปเหลืออะไรละ ดำ”

เฮียอู้อี้ตอบ ขณะขบติ่งหูเบาๆ พลางเอื้อมมือไปดึงประตูให้ปิดเข้ามา ช้อนร่างดำที่ชุดนอนรูดลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้วมาอุ้มไว้ ก้าวตรงไปยังเตียงนอน

แต่อนิจจา !

ดำจะรู้ไหมว่า ระหว่างที่เขากำลังรุกรบกับเฮียเป็นพัลวันอยู่นั้น ใครบางคนในชุดนอนสีชมพู กำลังจ้องมองดูภาพเหตุการณ์จากจอโทรทัศน์ ภายในห้องนอนชั้นบนอยู่ด้วยหัวใจระทึก !

....................

เวลาผ่านไปราว 2 เดือน เหตุการณ์ดำเนินไปเป็นปกติ กระทั่งวันหนึ่ง ในราวตี 3 หลังร่วมหลับนอนกันเสร็จ เฮียก็ขึ้นไปนอนยังห้องนอนชั้นบนเหมือนทุกครั้ง

จู่ๆ ดำก็เกิดปวดท้องรุนแรงขึ้นมา พยายามค้นหายาแก้ปวดท้องไปทั่ว แต่ก็ไม่พบ เขาตัดสินใจเดินโซเซเอามือกุมท้อง ขึ้นไปยังห้องนอนของสองผัวเมีย หวังจะขอยากินทุเลาอาการ

แต่พอไปถึง ดำก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจทั้งมวล เมื่อหูแว่วเสียงแผ่วๆ ฟังไม่ได้ศัพท์แต่คล้ายๆ คุ้นเคย เล็ดรอดออกมาจากภายในห้องนั้น ความสงสัยฉุดมือดำให้ปีนขึ้นไปบนหลังตู้เก็บของเพื่อแอบดู

จากช่องลมเหนือประตู เมื่อดวงตาปรับสภาพกับความสลัวในห้องได้แล้ว ดำก็ต้องปากอ้าตาถลนกับภาพที่เห็น ร่างเปลือยของเฮียกับเจ๊กำลังก่ายเกยกันอย่างเมามัน สลับกับการเงยหน้าจ้องมองไปยังจอโทรทัศน์ที่ปลายเตียง เครื่องเล่น VCD กำลังฉายภาพร่วมรักระหว่างเขากับเฮียที่เพิ่งยุติไปสดๆ ร้อนๆ

ดำนึกไปถึงกล้องวงจรปิดจิ๋วไร้สายที่ตั้งแผงขายทุกวันที่หน้าร้าน พลันรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ความโมโหเต้นตุบๆ บนผนังท้องแทนความเจ็บปวด รีบย่องลงไปที่ห้องครัวชั้นล่าง หยิบเอามีดปังตออันใหญ่มาถือไว้ในมือมั่น จ้องมองดูมันด้วยรอย ยิ้ม...

แต่เป็นยิ้มเฉพาะริมฝีปาก หากทว่าดวงตาวาว และเย็นชาเป็นที่สุด !

............................

เขียนโดย รัน

ภาพจาก : http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=256349& ;chapter=3

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Desenvolvido por EMPORIUM DIGITAL